การท่าเรือ เอฟซี เอ่ยชื่อนี้แฟนบอลเมืองไทยร้อยทั้งร้อยไม่มีใครไม่รู้จัก

“สิงห์เจ้าท่า” ในอดีตคือมหาอำนาจลูกหนังเมืองไทย ประสบความสำเร็จมามากมาย ทั้ง ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก. 8 สมัย, ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ข. 5 สมัย, ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ค. 14 สมัย, ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ง. 3 สมัย, ฟุตบอลควีนส์ คัพ 6 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย และลีก คัพ 1 สมัย แต่แชมป์เดียวที่ยังไร้ประดับตู้โชว์คือแชมป์ลีกสูงสุด
กับถ้วยระดับเอเชีย เคยเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ เอเชียนแชมเปี้ยนส์คัพ (เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีกในปัจจุบัน) เมื่อฤดูกาล 1991/92 และเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ เอเอฟซี คัพ ฤดูกาล 2010
แต่ช่วงหลังนับตั้งแต่บอลไทยปลุกปั้นจนเป็นลีกอาชีพเต็มตัว “สิงห์เจ้าท่า” กลับเป็นสโมสรที่หงอยเหงาโดยเฉพาะช่วงปี 2012 ทีมเริ่มระส่ำ ด้วยการเป็นทีมรัฐวิสาหกิจการบริหารทีมทำได้ยาก มีการปรับเปลี่ยนคนทำทีมอยู่ตลอดกระทั่งปี 2558 ทีมก็มีปัญหาการหาคนมาบริหารทีมอย่างหนัก สุดท้าย “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ตอบรับเข้ามาทำทีมด้วยการตกลงทำสัญญา MOU เป็นระยะเวลา 5 ปี

ช่วงนั้น “มาดามแป้ง” ยังคือหัวเรือใหญ่ในการทำทีมฟุตบอลหญิง ทีมชาติไทย ซึ่งคลุกคลีปลุกปั้นทีมสาวไทยมาอย่างยาวนานถึง 12 ปี พาทีมสร้างประวัติศาสตร์พา “ชบาแก้ว” ลุยศึกฟุตบอลโลกหญิง เป็นครั้งแรก เมื่อปี 2015 และทำสำเร็จอีกครั้งในอีก 4 ปีต่อมาก่อนประกาศวางมือกับการทำทีมบอลหญิงเมื่อช่วงกลางปี 2019
ปี 2015 กับการบริหารทีมการท่าเรือในปีแรก หญิงแกร่งอย่าง “มาดามแป้ง” ยังกอบกู้ทีมไม่สำเร็จ ด้วยปัญหาภายในที่หมักหมมมานาน “สิงห์เจ้าท่า” ร่วงตกชั้นสู่ลีกรองแต่ก็ใช้เวลาเพียงปีเดียวพาทีมหวนคืนสู่ลีกสูงสุดได้อีกครั้ง เพียงแต่ไม่ใช่ฐานะแชมป์แต่กลับมาด้วยทีมอันดับที่ 3
“มาดามแป้ง” ยอมรับประสบการณ์กับทีมบอลหญิง 12 ปี แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลยกับทีมบอลชาย ที่มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ช่วงแรกกับ “สิงห์เจ้าท่า” จึงยังเป็นการลองผิดลองถูกเพื่อสั่งสมประสบการณ์ทั้งเรื่องโค้ช, ตัวนักเตะ
หลังถึงจุดๆหนึ่งที่ต้องหาจุดยืน “มาดามแป้ง” เอาการทำทีมบอลหญิง มาปรับใช้คือเรื่อง “ซื้อใจ” หาทางออกให้ได้ว่า ต้องทำอย่างไรให้ได้ใจนักเตะ ให้ทุกคนยอมรับ สุดท้ายเธอทำสำเร็จ การทำทีม 5 ปีที่ผ่านมา “มาดามแป้ง” ใช้คำว่า “ครอบครัว” เป็นหลักในการบริหารทีม

ทั้งตัวนักเตะที่อยู่กันแบบครอบครัว มีปัญหา มีเรื่องคาใจให้เข้ามาคุย มาปรึกษา เปิดใจคุยกับ กับแฟนบอลเข้าไปคลุกคลีดูแลกันเป็นอย่างดีไม่มีทอดทิ้ง แม้ยามต้องเศร้า
การทุ่มทุนสร้างทีม ซื้อนักเตะดีๆเด่นๆทั้งไทยและต่าชาติเข้ามายกระดับทีม บรรยากาศ “นรกทีมเยือน” ที่แพท สเตเดี้ยม จึงกลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วงสองสามปีหลังมานี้
โดยเฉพาะปีล่าสุดที่ดึงทั้ง โก ซุล-กิ ห้องเครื่งเกาหลีใต้ กับ สุมัญญา ปุริสาย มาคุมแดนกลาง คว้า ธนบูรณ์ เกษารัตน์ มาเสริมเกมรับ ผนึกกำลังกับตัวหลักเก่าอย่างเซร์คิโอ ซัวเรซ กองกลางสแปนิช,บดินทร์ ผาลา,เควิน ดีรมรัมย์,ศิวกร จักขุประสาท หรือจะเป็น นิติพงษ์ เสลานนท์
เมื่อทีมผสมผสานกันได้จนกลมกล่อมทำให้ทีมมีลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดแบบเต็มตัว ก่อนจะหลุดวงโคจรในช่วงสองเกมสุดท้ายแบบน่าเสียดาย แต่ก็ยังมีลุ้นแชมป์บอลถ้วย
สุดท้ายความฝันของมาดามก็เป็นจริง
ปี 2019 การท่าเรือกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้งในถ้วยเอฟเอ คัพ ซึ่งเป็นแชมป์หนที่สองของรายการนี้ และเป็นแชมป์แรกในรอบทศวรรษ

มาดามแป้งยอมรับว่าคำพูดปลุกใจของ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีส่วนให้เธอพาทีมประสบความสำเร็จ
“ช่วงทำทีมปีแรก มีหลายคนสงสัยว่าแป้ง ซึ่งเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไม่เคยทำทีมฟุตบอลชายมาก่อน จะทำทีมฟุตบอลให้ประสบความสำเร็จคงเป็นไปได้ยาก ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์”
“การเข้ามาทำทีมการท่าเรือ เกมแรกเป็นการบุกไปเยือน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งการมาสู่จุดนี้ได้ต้องยกเครดิตให้คำพูดของ คุณเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่วันนั้นพูดว่า “ขอต้อนรับสู่นรกไทยลีก” ซึ่งปีนั้นเราเปลี่ยนโค้ชเยอะมาก ก่อนจะมาคว้าแชมป์ได้สำเร็จในปีนี้”
การรอคอยที่ยาวนานสิ้นสุดลงแล้ว จากนี้คือการต่อยอดหวนคืนสู่ตความยิ่งใหญ่เมื่อมาดามเพิ่งทำสัญญา MOU ฉบับใหม่อีก 5 ปี
ซีซั่นหน้ากับศึกหนักทั้งลีกไทย และ ถ้วยเอเชีย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอดู “มาดามแป้ง” จะปรับโฉมสิงห์เจ้าท่ามากน้อยขนาดไหน หลังประเดิมด้วยการปรับปรุงสนามหเหย้า แพท สเตเดี้ยม จากนั้นเรื่องโค้ช และ นักเตะใหม่ก็จะเกิดตามมาอย่างแน่นอน
“มาดามแป้ง” เปรียบดั่งนางฟ้าของสิงห์เจ้าท่าอย่างแท้จริง