ในตลาด Modern Trade ของแต่งบ้านและวัสดุก่อสร้างในตอนนี้ จะพบว่ามีอยู่ 2 บริษัท ที่มีแนวคิดธุรกิจคล้ายคลึงกันมากกับกลยุทธ์แบบ “ป่าล้อมเมือง” ด้วยเน้นการเติบโตจากการเจาะกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด ก่อนจะขยายอาณาจักรไปทั่วประเทศ
2 บริษัทที่ว่าก็คือ “GLOBAL” บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และ “DOHOME” บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเพิ่งเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไปเมื่อไม่นานมานี้
“บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL”
GLOBAL หรือที่ใช้ชื่อทางการค้า โกลบอล เฮ้าส์ (Global House) ศูนย์รวมจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างแบบครบวงจร เริ่มสาขาแรกที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยช่วงแรกเน้นขยายสาขาในภาคอีสานเป็นหลัก ก่อนที่จะบุกไปยังตลาดภูมิภาคอื่นๆ ทั่วประเทศ
กว่า 10 ปีที่ผ่านมาหลัง GLOBAL เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ ปี 2552 ก็ทำให้กิจการเติบโตต่อเนื่อง ปัจจุบันมีสาขาทั้งสิ้น 61 แห่งทั่วประเทศแล้ว แต่จะเห็นว่า GLOBAL ไม่ได้เข้ามาเปิดสาขาในเขตกรุงเทพฯ เลย
เหตุผลหนึ่งที่ GLOBAL เจาะต่างจังหวัดเพียงอย่างเดียว ก็เนื่องด้วยพื้นที่ร้านโกลบอล เฮ้าส์ มีขนาดที่ใหญ่มาก ประมาณ 18,000 – 32,000 ตารางเมตร ซึ่งเพื่อให้ครอบคลุมสินค้าหลากหลายมากกว่า 210,000 รายการ จึงเหมาะกับโลเคชั่นในต่างจังหวัดมากกว่า
อย่างไรก็ตาม GLOBAL รู้ดีว่าการรุกต่างจังหวัดเพียงอย่างเดียวอาจมีข้อจำกัดในการเติบโต บริษัทจึงเลือกโมเดลบุกประเทศเพื่อนบ้านอีกช่องทาง โดยปัจจุบันมีการดำเนินการแล้วใน 3 ประเทศ คือ เมียนมา 5 สาขา สปป.ลาว 5 สาขา และกัมพูชา อีก 1 สาขา
ผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปีของ GLOBAL
ปี 2559 รายได้ 19,474 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.85% กำไร 1,494 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.77%
ปี 2560 รายได้ 21,552 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.67% กำไร 1,608 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.60%
ปี 2561 รายได้ 26,262 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.86% กำไร 2,003 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.52%
ส่วนแผนในอนาคต GLOBAL ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มอีก 8 – 10 แห่งต่อปี จากที่ดินอีกหลายสิบแปลงทั่วประเทศที่บริษัทมีในมือสำหรับรองรับแผนในอนาคต ทำให้ภายในปี 2565 จะมี “โกลบอล เฮ้าส์” ในไทยแตะ 100 สาขา
บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME
ด้าน DOHOME ซึ่งใช้ชื่อทางการค้าว่า ดูโฮม (Do Home) ผู้ให้บริการวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกต่างบ้านแบบครบวงจร จากจังหวัดอุบลราชธานี ภายใต้แนวคิด “ครบ ถูก ดี” โดยปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 9 แห่ง
แม้ว่า DOHOME จะมีกลยุทธ์ที่คล้ายคลึงกับ GLOBAL มาก โดยการเน้นเจาะกลุ่มตลาดต่างจังหวัด อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต่างออกไปคือ DOHOME ก็ไม่ลืมให้ความสำคัญกับตลาดกรุงเทพฯ และปริมณฑลด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้มี 4 สาขา ได้แก่ รังสิต, พระราม 2, บางบัวทอง และบางนา
ผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปีของ DOHOME
ปี 2559 รายได้ 18,692 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.32% กำไร 853 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.28%
ปี 2560 รายได้18,664 ล้านบาท ลดลง 0.14% กำไร 931 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.14%
ปี 2561 รายได้ 18,535 ล้านบาท ลดลง 0.69% กำไร 439 ล้านบาท ลดลง 52.84%
สังเกตว่าผลประกอบการของทั้งคู่เมื่อเทียบกันแล้ว ต้องยอมรับว่า DOHOME ยังมีความแกว่งของรายได้ และกำไรที่มากกว่า GLOBAL อยู่พอสมควร
อย่างไรก็ดี กลยุทธ์สำคัญที่ DOHOME พยายามทำในอนาคต คือการเน้นสินค้า House brand เพราะให้กำไรที่ดีกว่า โดยสินค้า House brand มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 31.5% ต่างจากสินค้าทั่วไปที่ได้กำไรเฉลี่ยเพียง 16.2% และบริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จาก House brand ขึ้นเป็น 20% ให้ได้ในปี 2563 จากปัจจุบันทำได้อยู่ที่ 14.3%
แน่นอนหากทำได้สำเร็จก็น่าจะทำให้ DOHOME มีเสถียรภาพดีมากขึ้น กลายเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งสำคัญในธุรกิจวัสดุก่อสร้างของ GLOBAL ที่น่าจับตามองทีเดียว
