Stock

วิเคราะห์ดีล TTW ซื้อหุ้น 10% โรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง

วิเคราะห์ดีล TTW ซื้อหุ้น 10% โรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง คุ้มแค่ไหม?

วันนี้เราจะมาคุยกันถึงดีลที่น่าสนใจที่เพิ่งประกาศออกมาของหุ้น TTW หรือ บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) สำหรับการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง ด้วยสัดส่วน 10% มูลค่าไม่เกิน 4.6 พันล้านบาท  บริษัทเตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ในวันที่ 10 เมษายนนี้

TTW เป็นหุ้นในกลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคของไทย โดยเน้นไปที่การผลิตและจำหน่ายน้ำประปา รวมถึงบริหารจัดการน้ำเสียในเขตปริมณฑลและจังหวัดใกล้เคียงอย่างนครปฐมและสมุทรสาคร ถือป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักของวงการนี้ และมีจุดเด่นในเรื่องของความมั่นคงด้านรายได้ รวมทั้งการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอ โดยให้อัตราผลตอบแทนจากปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ย 6.5-6.7% ต่อปีในช่วงปี 2567-2570 ที่ผ่านมา

 การเข้าซื้อโรงไฟฟ้าหลวงพระบางของ TTW

คือ TTW จะเข้าไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง (Luang Prabang Hydro Power Plant – LPHPP) ผ่านการซื้อหุ้น 10% ในบริษัท ลาว เพาเวอร์ จำกัด (LPCL) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการนี้ จากบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK

มูลค่าธุรกรรมรวมอยู่ที่ไม่เกิน 4.60 พันล้านบาท แบ่งเป็น

1.  การจ่ายเงินจำนวน 2.80 พันล้านบาท ให้กับ CK เพื่อซื้อหุ้น 10%

2. การจ่ายเงินจำนวน 1.80 พันล้านบาท ให้กับ LPCL จนกว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปี 2572

shutterstock 2056705235 โรงไฟ้าลาว 1

นอกจากนี้ TTW ยังมีพันธะในการให้เงินกู้แก่ LPCL ไม่เกิน 1.10 พันล้านบาท หากโครงการมีต้นทุนสูงกว่าที่ประมาณการไว้ (cost overrun)

สำหรับโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง มีกำลังการผลิต 1,460 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2572 ซึ่ง TTW มองว่าดีลนี้จะช่วยเพิ่มรายได้และกำไรในระยะยาว เพราะโรงไฟฟ้าพลังน้ำเป็นพลังงานสะอาดที่มีต้นทุนต่ำและมั่นคง แถมยังมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่รับประกันรายได้ยาว ๆ อีกด้วย

ทั้งนี้ CK เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TTW ในสัดส่วน 37.87% ของทุนชำระแล้วของบริษัท ประกอบด้วยการถือหุ้นทางตรงจำนวน 774,077,400 หุ้น คิดเป็น 19.40% ของทุนชำระแล้วของบริษัท และการถือหุ้นทางอ้อมผ่าน BEM จำนวน 736,900,000 หุ้น คิดเป็น 18.47% ของทุนชำระแล้วของบริษัท

มุมมองนักวิเคราะห์ และคำแนะนำการลงทุน

บทวิเคราะห์ บล. กสิกรไทย ประเมินมูลค่ายุติธรรมของโครงการโรงไฟฟ้าหลวงพระบางไว้ที่ 3.0 พันล้านบาท สูงกว่าราคาซื้อที่ 2.80 พันล้านบาทเล็กน้อย คิดเป็น IRR ของโครงการที่ 12% ขณะเดียวกันที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ “CapAd” ประเมินมูลค่าโครงการไว้ที่ 3.0-3.40 พันล้านบาท

มองว่าข้อตกลงนี้เป็นกลางต่อ TTW เนื่องจากจะต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 105 ล้านบาทต่อปี (อัตราดอกเบี้ย 3.5%) จากหนี้ที่จะนำมาใช้ซื้อหุ้น LPCL จำนวน 10% แต่ดีลนี้จะสามารถจ่ายเงินปันผลระยะยาวได้ 150-475 ล้านบาทต่อปี จึงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 9.80 บาทต่อหุ้น หนุนโดยเงินปันผลคงที่จำนวน 0.6 บาทต่อหุ้น

ด้านมุมมอง บล. กรุงศรี คาดว่าดีลนี้จะมีความท้าทายในระยะสั้นซึ่งจะเกิดจากหนี้ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีสถานะเป็นหนี้สุทธิในปี 2568 (แทนที่จะเป็นเงินสดสุทธิ) โดยคาดว่ากำไรจะลดลง 1% ในนี้ และจะลดลง 5% ในปีหน้า นอกจากนี้ คาดว่าเงินปันผลจะลดลงจาก 0.8 บาท เป็น 0.6 บาทต่อหุ้น

164448 logo 20191002142537

 

อย่างไรก็ดี TTW จะได้รับผลประโยชน์ในระยะยาว คือ รายได้จากเงินปันผลที่สม่ำเสมอตั้งแต่ปี 2573 ถึงปี 2608 เนื่องจากโครงการนี้มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับ EGAT เป็นระยะเวลา 35 ปี ในอัตราที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว

จะเห็นว่าการที่ TTW เข้าไปลงทุนใน LPCL ถือเป็นการขยับขยายธุรกิจไปสู่พลังงานหมุนเวียน เป็นเทรนด์ที่มาแรงทั่วโลก แถมยังช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากธุรกิจน้ำประปาเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม โครงการนี้มีความเสี่ยงจากความล่าช้าในการก่อสร้าง (Cost Overrun) ที่อาจเพิ่มต้นทุนได้ประมาณ 1,100 ล้านบาท ซึ่ง TTW บอกว่ายังรับมือได้ แต่ก็เป็นจุดที่ต้องจับตาดูกันต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน