Stock

คัดหุ้นเด่น 4 กลุ่มน่าลงทุนส่งท้ายปี เตรียมรับมาตรการกระตุ้นจับจ่าย

“ทรีนีตี้” คัดหุ้นเด่น 4 กลุ่มน่าลงทุนส่งท้ายปี รับมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า มองเงินไหลเข้าจังหวะนี้เป็น Hot money เข้ามาเก็งกำไรเงินบาทจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยล่าสุด

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนเดือนธันวาคม 2565 ว่า คาดตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มต้นเดือนนี้ในเกณฑ์ดี จากปัจจัยหนุน 2 ปัจจัย ได้แก่

หุ้นเด่น

ปัจจัยหนุนการลงทุน

  • ทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐที่เตรียมชะลอลงอย่างแน่นอนในการประชุมกลางเดือนนี้
  • การส่งสัญญาณของรัฐบาลจีนต่อการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ในประเทศมากขึ้น

ทั้งนี้ มอง 2 ปัจจัยนี้มีโอกาสทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯและจีนปรับตัว Outperform ตลาดหุ้นอื่นทั่วโลกได้ ส่วนตลาดหุ้นยุโรปก็ได้แรงหนุนจากการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเมื่อวานนี้ที่ออกมาต่ำกว่าคาดด้วยเช่นกัน ทำให้การประชุม ECB ครั้งถัดไปในช่วงกลางเดือนธันวาคมมีโอกาสที่ ECB จะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.5% ด้วยเช่นเดียวกันกับ Fed

ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก

ขณะที่ Bond yield สหรัฐปรับตัวลงแรงเมื่อคืนวันที่ 30 พฤศจิกายน จากคำพูดเชิง Dovish ของนาย Jerome Powell มองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้น Technology เป็นสำคัญ ซึ่งอาจเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ของไทยปรับตัวขึ้นแรงในช่วงสั้น ไม่ว่าอย่างไรแล้ว มองความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวจะเป็นปัจจัยกดดันต่อหุ้นกลุ่มนี้ในช่วงถัดไปได้ จึงไม่แนะนำให้เข้าลงทุนแต่อย่างใด

หุ้นเด่น

ทั้งนี้ การทำจุดต่ำสุดของ Bond yield ที่เกิดขึ้น ทำให้ยังคงมั่นใจต่อคำแนะนำให้ถือครองกลุ่มตราสารหนี้ รวมถึงตราสารจำพวกคล้ายบอนด์อย่าง REIT, Infrastructure fund, และหุ้นในกลุ่ม Utility ที่มี Relative yield สูงขึ้น

สำหรับตลาดหุ้นไทยนั้น มองปัจจัยกระตุ้นที่อาจเข้ามาสร้างสีสันได้บ้างในเดือนนี้ ได้แก่ การออกมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในช่วงปลายปีนี้-ต้นปีหน้า ซึ่งอาจทำให้กลุ่ม Domestic ยังคงเป็นกลุ่มที่น่าสนใจต่อไปหากต้องเลือกลงทุน ส่วนการเข้ามาของ Fund flow ในช่วง 1-2 วันนี้นั้น มองเป็น Hot money ที่เข้ามาเก็งกำไรเงินบาทจากประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ซึ่งต่อจากนี้อาจเริ่มเบาบางลงหากไม่มีปัจจัยกระตุ้นใหม่ในเชิงกลยุทธ์ หลังจากที่กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายรอบล่าสุดมาอยู่ที่ 1.25% ทำให้ระดับ SET ที่เหมาะสมในกรณีฐานของทางทรีนีตี้ปรับลดจากระดับ 1,630 จุดมาอยู่ที่ 1,580 จุด ซึ่งเมื่อเทียบกับระดับดัชนีปัจจุบันที่ 1,635 จุด อาจทำให้ Risk-reward ในภาพรวมดูไม่น่าสนใจมากนัก จึงเป็นที่มาที่เราแนะนำให้ Lock profit หุ้นในส่วนที่เหลือ แต่หากต้องเลือก Selective ในเดือนธันวาคม มองไปยังกลุ่มหุ้นดังต่อไปนี้

หุ้นเด่น

หุ้นเด่น 4 กลุ่มน่าลงทุนส่งท้ายปี

  1. กลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งในระยะสั้นได้ประโยชน์จากทั้ง เงินบาทแข็ง, Bond yield ลง, ต้นทุนพลังงานลง (BGRIM, GPSC, GULF, RATCH, EGCO) ทั้งนี้ ประเมิน RATCH มีลุ้นถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไป
  2. กลุ่ม Big ticket retailers เพื่อเก็งมาตรการช้อปดีมีคืนที่จะออกมาในช่วงต้นปีหน้า (HMPRO, ILM, COM7) ทั้งนี้ ประเมิน COM7 มีลุ้นถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไป
  3. กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เพื่อเก็งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี + จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าสู่ช่วง High season (AAV, BA, CENTEL, ERW, PTG, OR) มองกลุ่มสายการบินได้ Sentiment เชิงบวกระยะสั้นจากเงินบาทที่แข็งค่า ส่วน CENTEL ประเมินว่ามีลุ้นถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไป
  4. กลุ่มบริหารหนี้ (BAM, JMT, CHAYO, KCC) ซึ่งเข้าสู่ช่วง High season ในไตรมาส 4+ การซื้อหนี้ผ่านจุดต่ำสุด มอง BAM ผ่านช่วง Overhang จากประเด็น MSCI เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK