Stock

OR พ้นจุดต่ำสุดแล้ว คาดไตรมาส 4/65 ฟื้นตัวแข็งแกร่ง

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 หุ้น OR หรือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ทำราคาร่วงไปทำจุดต่ำสุดของวันที่ 24.30 บาท ปรับลดลง 2.41% จากวันทำการก่อนหน้า นับเป็นราคาต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ หลังบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/65 อ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดการณ์

สำหรับในช่วงไตรมาส 3/65 OR มีรายได้ขายและบริการ 194,795 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นไปตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และปริมาณขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19

OR พ้นจุดต่ำสุด

ประกอบกับกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ที่มีรายได้จากธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม เพิ่มขึ้น 1,050 ล้านบาท เป็นผลจากการขยายเครือข่ายร้านค้าปลีกเป็น 4,023 สาขา แบ่งเป็น Café Amazon ในประเทศ 3,765 สาขา Café Amazon ในต่างประเทศ 21 สาขา ร้านเท็กซัส ชิคเก้น 100 สาขา รวมทั้งร้านเพิร์ลลี่ที และ Pacamara Coffee Roasters อีก 137 สาขา

อย่างไรก็ดี แม้ปริมาณขายจะปรับเพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรลดลงเหลือ 0.68 บาท จากไตรมาส 3/64 ที่ทำได้ 1.09 บาท เพราะต้นทุนน้ำมันดิบที่สูงขึ้น ดังนั้น จึงส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 701 ล้านบาท ปรับลดลง 62.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับลดลง 89.30% จากช่วงไตรมาสที่ผ่านมา

โดยสามารถแบ่งสัดส่วน EBITDA (กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้) ในช่วงไตรมาส 3/65 ออกเป็นดังนี้

  1. ธุรกิจ Mobility 1,084 ล้านบาท ลดลง 63.9% จากช่วงปีก่อน
  2. ธุรกิจ Lifestyle 1,210 เพิ่มขึ้น 47.60% จากช่วงปีก่อน
  3. ธุรกิจ Global 270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.7%
  4. ธุรกิจอื่น ๆ อีก 6 ล้านบาท ลดลง 78.60%

แนวโน้มช่วงที่เหลือปีนี้

เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง คาดจะขยายตัว 2.7% – 3.3% จากการขยายตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ และแรงสนับสนุนสำคัญจากการฟื้นตัวของภาคบริการ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวจากมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวตามเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก

แนวโน้มราคาน้ำมันดิบในช่วงไตรมาส 4/65 คาดว่าราคาเฉลี่ยจะปรับลดลงจากไตรมาส 3/65 เนื่องจากสถานการณ์ความกังวลต่อเศรษฐกิจ ที่อาจเกิดการชะลอตัว ประกอบกับสถานการณ์เงินเฟ้อในกลุ่มประเทศยุโรป และสหรัฐอเมริกา ทำให้ธนาคารกลางในหลายประเทศปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งมาตรการ Zero-COVID Policy ของประเทศจีน ที่ยังคงกดดันอุปสงค์น้ำมัน โดยคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในปี 2565 อยู่ที่ 99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

S 169336909

เข้าสู่ช่วงฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/65

บล.บัวหลวง กล่าวถึงผลประกอบไตรมาส 3/65 ของ OR ว่ารายงานกำไรสุทธิต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 18% เนื่องจากกำไรขั้นต้นจากธุรกิจ lifestyle ต่ำกว่าคาด ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารมากกว่าคาด และมีผลขาดทุนพิเศษ ซึ่งกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2565 จำนวน 11,114 ล้านบาท คิดเป็น 80% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ที่บัวหลวงประเมินไว้ที่ 13,904 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตราว 17% จากปี 2564

ทว่าจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นในประเทศไทยและอาเซียน จะหนุนปริมาณขายของธุรกิจน้ำมันและธุรกิจ non-oil ให้สดใสขึ้นในไตรมาส 4/65 โดยคาดว่ากำไรไตรมาส 4/65 ของ OR จะเติบโตได้ทั้งจาก YoY และ QoQ จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น OR ที่ราคาเป้าหมาย 34 บาทต่อหุ้น

โอกาสเก็บสะสมหุ้นราคาถูก  

จากการสำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้น OR ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา พบว่าค่อนข้าง Underperform ดัชนีหุ้นไทย ส่งผลให้ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ได้สะท้อน P/E ปี 2565 ที่ระดับ 20.80 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ของกลุ่มค้าปลีก

จากการที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาอยู่แถว 24 บาท ก็เป็นโอกาสสำคัญที่นักลงทุนจะเข้าไปเก็บสะสมได้ หากเชื่อมั่นใจการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานไตรมาส 4/65 เพราะความคิดเห็นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ยังคงแนะนำซื้อ โดยมองว่าผลการดำเนินงานของ OR ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

ส่วนผลการดำเนินงานในระยะถัดไป จะเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ จากทั้งปริมาณการขายน้ำมันที่กลับสู่สภาวะปกติ ค่าการตลาดน้ำมันที่เริ่มฟื้นตัว และการปรับขึ้นราคาขายของ Café Amazon

S 169336904

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน