Stock

สาเหตุ ‘หุ้นปูนใหญ่’ กำไรทรุดกว่า 60%

สาเหตุ’หุ้นปูนใหญ่’ กำไรทรุดกว่า 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ภาพรวมช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 21,225 ล้านบาท ลดลง 45%

เป็นหนึ่งในบริษัทที่หลายคนจับตามองสำหรับ SCC หรือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ผู้นำในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง รวมทั้งยังมีการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ ธุรกิจเคมิคอลส์ และธุรกิจแพคเกจจิ้ง โดยบริษัทได้ประกาศผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2565 มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 142,391 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทว่า SCC กลับมีกำไรสุทธิเหลือเพียง 2,443.98 ล้านบาท ลดลง 64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ภาพรวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 21,225 ล้านบาท ลดลง 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

หุ้นปูนใหญ่

คำถามคือเกิดอะไรขึ้นกับ SCC ทำไมกำไรถึงทรุดลงหนักขนาดนี้ ปัจจัยสำคัญมาจากผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจเคมิคอลส์ โดยเป็นวัฎจักรขาลงของธุรกิจ เนื่องจากอุปสงค์ในตลาดโลกชะลอตัว ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ทำให้ส่วนต่างราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลงด้วย  เป็นผลมาจากปัจจัยที่คาดการณ์ได้และคาดการณ์ไม่ได้

สำหรับปัจจัยที่คาดการณ์ได้นั้น มาจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นของผู้ผลิตรายใหม่ ส่วนปัจจัยที่คาดการณ์ไม่ได้ มาจากปัจจัยอื่น ๆ ทั่วโลก ได้แก่ มาตรการล็อกดาวน์ ที่ยังดำเนินต่อเนื่องในประเทศจีน สถานการณ์เงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายปรับตัวสูงขึ้น วิกฤติการขาดแคลนพลังงานในยุโรป และสงคราม ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน เป็นต้น

เช่นเดียวกันกับธุรกิจแพคเกจจิ้ง ที่มีกำไรปรับตัวลดลง เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นและราคาพลังงานที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยมีเพียงธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างเท่านั้นที่ยังสามารถสร้างการเติบโตได้ดี จากความต้องการปูนซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่ขยายตัวทั้งจากภาครัฐ ภาคครัวเรือน และภาคเอกชน รวมถึงกลยุทธ์การปรับราคาขายสินค้าเพื่อให้สอดคล้องตามต้นทุน

หุ้นปูนใหญ่
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีโครงสร้างทางการเงินที่มั่นคง โดยมีเงินสดและเงินสดภายใต้การบริหาร ณ สิ้นไตรมาส 3/2565 เท่ากับ 69,284 ล้านบาท โดยมีเงินทุนหมุนเวียนสุทธิ 122,832 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน และมีอัตราหมุนเวียนสินค้าคงเหลือต่อต้นทุนขายเท่ากับ 67 วัน เทียบกับ 60 วันในไตรมาสก่อน

นอกจากนี้ ล่าสุด SCC ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติธุรกรรมการรวมกิจการระหว่าง บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SCGL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท และบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD

โดยการแลกหุ้นสามัญของ SCGL จำนวนรวมไม่เกิน 35,031,000 หุ้น ที่ถือโดยบริษัท เอสซีจีซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด (SCG CBM) และบริษัท เอสซีจีดิสทริบิวชั่น จำกัด (SCG Distribution) กับหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ JWD จำนวนรวมไม่เกิน 776,806,301 หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 18,660 ล้านบาท (ราคาหุ้นละ 24.02 บาท)

ทั้งนี้ JWD จะเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดีโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGJWD ในเบื้องต้นคาดว่าธุรกรรมการรวมกิจการ จะดําเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1/2566 โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาการให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัปพลายเชนระดับอาเซียน หากวัดจากรายได้และกำไร

สำหรับธุรกิจของบริษัททั้งสองแห่งมีการให้บริการแก่ลูกค้าครอบคลุมทั้งกลุ่ม B2B, B2B2C และ C2C อีกทั้งมีจุดแข็งซึ่งส่งเสริมกันได้ เช่น เพิ่มศักยภาพการแข่งขันในภาคธุรกิจโลจิสติกส์ ลดต้นทุนในการบริหารจัดการ เพิ่มโอกาสในการขยายการลงทุน เสริมโครงสร้างเงินทุนให้แข็งแกร่ง ตลอดจนสร้างประสิทธิภาพในการนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าได้หลากหลายและครอบคลุมได้มากยิ่งขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน