Stock

นักลงทุนเทขายหนัก หวั่น ‘เศรษฐกิจถดถอย’ ฉุด ‘ดาวโจนส์’ ปิดตลาด ร่วงเกือบ 500 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (23 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วงลงเกือบ 500 จุด เหตุนักลงทุนเทขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความวิตกถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลัง “เฟด” ส่งสัญญาณ ใช้นโยบายการเงินเข้มงวด ในความพยายามที่จะควบคุมเงินเฟ้อ 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 29,590.41 จุด ร่วงลง 486.27 จุด หรือ 1.62% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,693.23 จุด ร่วงลง 64.76 จุด หรือ 1.72% และดัชนี แนสแด็กปิดที่ 10,867.93 จุด ร่วงลง 198.88 จุด หรือ 1.80%

ดาวโจนส์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 โดยระหว่างวันซื้อขาย ทรุดตัวลงมากกว่า 800 จุด และร่วงลงมากกว่า 20% จากระดับปิดสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 36,799.65 เมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา

ดาวโจนส์

ขณะที่ หุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดตลาดในแดนลบ นำโดยกลุ่มพลังงาน และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งร่วงลง 6.75% และ 2.29% ตามลำดับ

บรรดานักลงทุนได้เทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากมีความวิตกมากขึ้นว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด จะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (21 ก.ย.) เฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในความพยายามที่จะควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นการขึ้นดอกเบี้ยระดับดังกล่าว เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันในปีนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟด อยู่ในกรอบ 3-3.25%

ทั้งนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ยังย้ำว่า เฟดมุ่งเป้าบรรลุเป้าหมายด้านเสถียรภาพราคา ซึ่งคาดว่า จะต้องอาศัยการคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่อง และจะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำกว่าแนวโน้ม และการว่างงานสูงขึ้น

นักลงทุนคาดว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนพฤศจิกายน และปรับขึ้นอีก 0.50% ในเดือนธันวาคม

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่เอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49.3 ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 44.6 ในเดือนสิงหาคม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo