ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดตลาดวานนี้ (22 ก.ย.) โดยที่ “ดาวโจนส์” ลดลงกว่า 100 จุด เหตุนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ “ธนาคารกลางสหรัฐ” ทำห้เกิดแรงเทขายต่อเรื่อง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโลยี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 30,076.68 จุด ลดลง 107.10 จุด หรือ -0.35% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,757.99 จุด ลดลง 31.94 จุด หรือ -0.84% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 11,066.81 จุด ลดลง 153.39 จุด หรือ -1.37%
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่าเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่เฟดยังส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 สร้างความผิดหวังต่อนักลงทุน ที่คาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้า
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกว่าการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังเฟดปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในปีนี้เหลือเพียง 0.2%
หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดตลาดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และกลุ่มการเงิน เช่นเดียวกับ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ที่ร่วงลงอย่างมาก หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 4.1% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 5,000 ราย มาอยู่ที่ 213,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 218,000 ราย
ทางด้าน Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ของสหรัฐปรับตัวลง 0.3% ในเดือนสิงหาคม หลังจากร่วงลง 0.5% ในเดือนกรกฎาคม โดยปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย โดยได้รับผลกระทบจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ฟันธง! เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% วันนี้ ก่อนขึ้นอีกเท่าเดิม เดือนพ.ย.
- คาด ‘เฟด’ เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ถึง มี.ค. 66 ก่อนคงดอกเบี้ยยาวเกือบ 1 ปี
- ‘พาวเวล’ ลั่นเดินหน้าสู้ ‘เงินเฟ้อ’ ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย ‘ครั้งใหญ่’ ก.ย.นี้
