Stock

‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด 0.75% ทุบ ‘ดาวโจนส์’ ทรุดกว่า 500 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (21 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ดิ่งแรงกว่า 500 จุด หลัง “เฟด” ประกาศขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% และยืนยันว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 30,183.78 จุด ร่วงลง 522.45 จุด หรือ -1.70% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,789.93 จุด ลดลง 66.00 จุด หรือ -1.71% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 11,220.19 จุด ร่วงลง 204.86 จุด หรือ -1.79%

ดาวโจนส์

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุม 3 ครั้งติดต่อกัน และเป็นการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดที่สุด นับตั้งแต่เฟดกำหนดให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้น เป็นเครื่องมือสำคัญด้านนโยบายการเงินในปี 2533 โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.00-3.25% ในขณะนี้ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551

ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับ 4.4% ในช่วงสิ้นปีนี้ และแตะ 4.6% ในสิ้นปี 2566 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ในเดือนมิถุนายน ซึ่งระบุว่าอัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับ 3.4% ในช่วงสิ้นปีนี้ และแตะระดับ 3.8% ในสิ้นปี 2566

ทั้งนี้ Dot Plot ยังระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567 ซึ่งเป็นการดับความหวังของนักลงทุนที่ต้องการจะเห็นเฟดสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้

นอกจากนี้ นักลงทุนกังวลว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เมื่อพิจารณาจากการที่เฟดคาดการณ์ในการประชุมครั้งนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวเพียง 0.2% ในสิ้นปีนี้ และจะขยายตัว 1.2% ในปี 2566

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ร่วงลงเช่นกัน และหุ้นกลุ่มธุรกิจการเดินทาง ก็ปรับตัวลงด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo