ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (8 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ทะยานเกือบ 200 จุด แรงหนุนจากการเข้าซื้อกลุ่มธนาคาร และเฮลธ์แคร์ หลังตลาดอ่อนแรงลงในช่วงแรก จากการที่ “เจอโรม พาวเวล” ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 31,774.52 จุด เพิ่มขึ้น 193.24 จุด หรือ +0.61% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,006.18 จุด เพิ่มขึ้น 26.31 จุด หรือ +0.66% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 11,862.13 จุด เพิ่มขึ้น 70.23 จุด หรือ +0.60%
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุด หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวสุนทรพจน์ที่สถาบันคาโต (Cato Institute) ว่า เฟดมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการควบคุมเงินเฟ้อ และหวังว่าการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว จะไม่ทำให้เกิดต้นทุนทางสังคมที่สูงเกินไป ทั้งยังสัญญาณว่า การหยุดขึ้นดอกเบี้ย หรือการลดดอกเบี้ย จะยังไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้
นอกจากนี้ จำนวนคนว่างงานที่ต่ำกว่าคาดของสหรัฐ ยังทำให้ตลาดกังวลว่า เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 6,000 ราย มาอยู่ที่ 222,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน
นักวิเคราะห์ชี้ว่า หลังตลาดอ่อนแรงลง เพราะกังวลเรื่องดอกเบี้ย นักลงทุนได้กลับเข้ามาซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มเฮลธ์แคร์ในเวลาต่อมา เนื่องจากมองว่าหุ้นทั้งสองกลุ่มมีความปลอดภัย และยังมีราคาค่อนข้างถูก
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนสิงหาคมของสหรัฐในวันอังคารหน้า (13 ก.ย.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ในการประชุมเดือนนี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 88% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 กันยายนนี้ และให้น้ำหนักเพียง 12% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50%
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ยูโร’ ดีดเหนือ 1 ดอลลาร์ คาด ‘อีซีบี’ ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ประชุมวันนี้
- หุ้นไทยเงียบเหงาปิดบวก 0.08 จุด ต่างชาติเทขายอีก 1.4 พันล้านบาท
- คัดหุ้นกำไรสูงกว่า ‘ก่อนโควิด’ แต่ราคายัง Laggard