Stock

‘ดาวโจนส์’ ปิดตลาด พุ่ง 436.05 จุด ขานรับ ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (27 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” พุ่งขึ้นกว่า 400 จุด และ “แนสแด็ก” ทะยานขึ้นมากกว่า 4% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์รายวันมากที่สุด นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 หลัง “เฟด” ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด

นอกจากนี้ ความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้ช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับอัตราการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งการเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่งของบรรดาบริษัทจดทะเบียนได้ช่วยหนุนตลาดด้วย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 32,197.59 จุด เพิ่มขึ้น 436.05 จุด หรือ 1.37%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,023.61 จุด เพิ่มขึ้น 102.56 จุด หรือ 2.62% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 12,032.42 จุด เพิ่มขึ้น 469.85 จุด หรือ 4.06%

ดาวโจนส์

ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา และหุ้นทั้ง 11 กลุ่มของดัชนีปิดบวก โดยกลุ่มบริการด้านการสื่อสารและกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นมากที่สุด 5.11% และ 4.29% ตามลำดับ

ตลาดขานรับ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยในระดับเดียวกับที่คาดกันไว้ โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ของเฟด มีมติเป็นเอกฉันท์ 12-0 ขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 2.25-2.50%

ทั้งนี้ เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่เข้มงวดที่สุดของเฟด นับตั้งแต่ที่เฟดกำหนดให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นเครื่องมือสำคัญด้านนโยบายการเงินในช่วงทศวรรษ 90 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ อยู่ที่ระดับ 2.25-2.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 โดยเฟดพยายามที่จะสกัดกั้นภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

ขณะที่การแสดงความเห็นของนายพาวเวลในการแถลงข่าวนั้น ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า อัตราการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะชะลอลง

นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนได้ช่วยหนุนตลาดด้วย โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่ง 6.7% หลังคาดการณ์รายได้เพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลักในปีงบการเงินนี้ แรงหนุนจากความต้องการบริการด้านระบบคลาวด์

ส่วนราคาหุ้นอัลฟาเบท พุ่ง 7.7% หลังเปิดเผยยอดขายโฆษณาบนกูเกิลที่ดีเกินคาด ซึ่งคลายความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของตลาดโฆษณา

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo