ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (12 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วงต่อเนื่อง เกือบ 200 จุด เหตุนักลงทุนกังวล เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งยังรอดูการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อในวันนี้ (13 ก.ค.) และผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 30,981.33 จุด ลดลง 192.51 จุด หรือ 0.62% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,818.80 จุด ลดลง 35.63 จุด หรือ 0.92% และดัชนี แนสแด็กปิดที่ 11,264.73 จุด ลดลง 107.87 จุด หรือ 0.95%
ตลาดเต็มไปด้วยปัจจัยลบ จากสัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึง การที่ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น ดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดซึ่งแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.2% ในไตรมาส 2 จากเดิมที่บ่งชี้ว่ามีแนวโน้มหดตัว 1.9% โดยแม้ว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 2 หดตัวน้อยกว่าไตรมาส 1 ซึ่งหดตัวลง 1.6% แต่การที่เศรษฐกิจหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาสนั้น ถือว่าเข้าเกณฑ์การเกิดภาวะถดถอยแล้ว
นักลงทุนยังเต็มไปด้วยความระมัดระวังตัว ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนมิถุนายนในวันนี้ โดยคาดว่า จะพุ่งขึ้น 8.8% สูงกว่าระดับ 8.6% ในเดือนพฤษภาคม โดย CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค และเป็นหนึ่งในข้อมูลเงินเฟ้อที่เฟดจับตา
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 2.03% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ทรุดตัวลงเกือบ 8% เช่นเดียวกับดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ที่ร่วงลง 1.34%
นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยเจพีมอร์แกน และมอร์แกน สแตนลีย์ จะรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ในวันพุร่งนี้ (14 ก.ค.) ขณะที่ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก จะรายงานในวันที่ 15 กรกฎาคม ส่วนแบงก์ ออฟ อเมริกา และโกลด์แมน แซคส์ จะรายงานในวันที่ 18 กรกฎาคม
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กังวลหนัก! เศรษฐกิจสหรัฐ ไตรมาส 1 หดตัว 1.4% หวั่นมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอย
- ‘มอร์แกน สแตนลีย์’ ชี้ ‘เศรษฐกิจสหรัฐ’ เสี่ยงถดถอย 50% แต่มั่นใจ ‘เฟด’ คุมเงินเฟ้อได้
- ยังไม่จบ! ‘เฟด’ ส่งสัญญาณ ‘ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง’ หลังปรับ 0.75% ครั้งใหญ่สุดรอบ 28 ปี