ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (8 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ขยับลงเล็กน้อย ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่เต็มไปด้วยความผันผวน เพราะนักลงทุนกังวลว่า ตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง อาจหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ เร่งขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 31,338.15 จุด ลดลง 46.40 จุด หรือ 0.15% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,899.38 จุด ลดลง 3.24 จุด หรือ 0.08% และดัชนี แนสแด็ก ปิดที่ 11,635.31 จุด เพิ่มขึ้น 13.96 จุด หรือ 0.12%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 0.8% เอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 1.9% และแนสแด็กเพิ่มขึ้น 4.5%
กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 372,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 250,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.6% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 0.3%
ตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งดังกล่าว ทำให้นักลงทุนกังวล พากันพิจารณาข้อมูล และความคิดเห็นใหม่ ๆ จากบรรดาผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อดูว่า อาจจะส่งผลต่อแผนการของเฟดอย่างไรในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมาก
ในสัปดาห์หน้า คาดว่า ตลาดจะมุ่งความสนใจไปที่การคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงข้อมูลเงินเฟ้อที่จะเปิดเผยออกมา เพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ
นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา ระบุว่า เขาสนับสนุนอย่างเต็มที่กับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนกรกฎาคมนี้ ส่วนนายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขานิวยอร์กไม่ได้ระบุว่า เขาสนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% หรือ 0.75% ในการประชุมเดือนนี้หรือไม่ แต่ยอมรับว่า ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น กำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กังวลหนัก! เศรษฐกิจสหรัฐ ไตรมาส 1 หดตัว 1.4% หวั่นมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอย
- ‘มอร์แกน สแตนลีย์’ ชี้ ‘เศรษฐกิจสหรัฐ’ เสี่ยงถดถอย 50% แต่มั่นใจ ‘เฟด’ คุมเงินเฟ้อได้
- ยังไม่จบ! ‘เฟด’ ส่งสัญญาณ ‘ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง’ หลังปรับ 0.75% ครั้งใหญ่สุดรอบ 28 ปี