เมื่อผ่านพ้นครึ่งแรกของปี ประเด็นที่มักถูกยกมาพูดถึงบ่อยๆ ในช่วงนี้ก็คือ Window Dressing ซึ่งเชื่อว่ามีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่เคยได้ยินคำนี้ หรือเห็นผ่านตาจากการอ่านบทวิเคราะห์การลงทุนต่างๆ แต่เกิดคำถามในใจว่าคืออะไรกันแน่ แล้วควรลงทุนในหุ้นอะไรดีไหนในช่วงจังหวะแบบนี้
Window Dressing คือ ปรากฎการณ์ทางการเงินที่เชื่อกันว่านักลงทุนสถาบันและกองทุนรวม จะทำการดันราคาหุ้นในพอร์ตของตัวเองให้สูงขึ้น เพื่อทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุน (NAV) ออกมาดูดีในช่วงปิดงบการเงิน ซึ่งจะเป็นการสร้างความประทับใจและส่งผลต่อความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน
จังหวะที่เกิด Window Dressing จะมาในช่วงก่อนวันสิ้นงวดของแต่ละไตรมาสในเดือนมีนาคม มิถุนายน กันยายน และธันวาคม แต่จากอดีตเราพบว่า เดือนที่ชัดเจนสุดก็คือ มิถุนายน กับ ธันวาคม เพราะเป็นวันปิดงวดครึ่งปีและปิดงบใหญ่ของปีนั่นเอง
วิธีการทำ Window Dressing จะมีด้วยกัน 3 กลยุทธ์หลักๆ ดังนี้
1. ซื้อหุ้นที่มีมูลค่าสูงในพอร์ตการลงทุน เพื่อทำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยของพอร์ตเร่งตัวขึ้นในสัปดาห์สุดท้ายของแต่ละไตรมาส
2. เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่ Outperform โดยการขายหุ้นที่ Underperform ในพอร์ต เพื่อให้เหมือนว่าไม่เคยลงทุนหุ้นเหล่านั้นมาก่อนตลอดรอบบัญชีที่ผ่านมา
3. ใช้เครื่องมือทางการเงินในตลาดอนุพันธ์ เพื่อถัวความเสี่ยงหรือเพิ่มผลตอบแทนให้พอร์ตการลงทุน
ผลกระทบของการทำ Window Dressing คือ ดัชนีหุ้นหรือราคาหุ้นบางตัวในตลาดจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงสิ้นไตรมาสนั้น เนื่องจากมีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน และจะค่อยๆ ปรับลดลงสู่ราคาปกติในช่วงต้นเดือนถัดไป ซึ่งหุ้นที่เข้าข่ายถูกทำ Window Dressing จะประกอบด้วย หุ้นที่ Outperform ตลาดโดยรวม หุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น เป็นหุ้น Market Cap. ขนาดใหญ่ และเป็นหุ้นที่นักลงทุนสถาบันถือจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่คือหุ้นในดัชนี SET50
บล.หยวนต้า เปิดเผยว่า มีโอกาสที่จะเกิด Window Dressing ในสัปดาห์สุดท้ายของไตรมาส 2 ปีนี้ โดยหุ้นที่เข้าข่ายจะต้องเป็นหุ้นที่มี Market Cap. ใหญ่เกิน 9 หมื่นล้านบาท ราคาหุ้นปรับตัวลงมากกว่าดัชนี SET50 แนวโน้มผลประกอบการฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี และ Valuation ไม่แพง เน้นที่ Domestic play เป็นหลัก
สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะถูกทำ Window Dressing รอบนี้ ได้แก่
1. ADVANC หรือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
2. CPALL หรือ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
3. KBANK หรือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
4. EA หรือ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
5. SCGP หรือ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)
6. CRC หรือ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
7. OSP หรือ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)
หาก Window Dressing เกิดขึ้นจริงๆ นักลงทุนจะได้รับประโยชน์จากการเก็งกำไรระยะสั้นโดยซื้อหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้น หรืออาจใช้จังหวะนี้ขายหุ้นที่ถืออยู่ออกมา อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่าเหตุการณ์นี้เป็นเพียงความคาดหวังของตลาดและประเมินจากข้อมูลในอดีตเท่านั้น ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หุ้นเคอรี่’ เกิดอะไรขึ้น ทำไมราคาร่วงต่อเนื่อง ?
- ‘ค่าการกลั่นน้ำมัน’ ไม่เท่ากับ ‘กำไรสุทธิ’ ของหุ้นโรงกลั่น
- รู้จัก ‘TLI’ ไอพีโอตัวใหม่ ที่เตรียมเข้าตลาดหุ้น
