Stock

‘หุ้นเคอรี่’ เกิดอะไรขึ้น ทำไมราคาร่วงต่อเนื่อง ?

หุ้นเคอรี่ เกิดอะไรขึ้น ทำไมราคาร่วงต่อเนื่อง เมื่อ 24 มิ.ย. 65 ราคาอยู่ที่ระดับ 23.80 บาท เป็นจุดที่ต่ำกว่าราคาเสนอขาย IPO เมื่อปีช่วงปลายปี 2563 อะไรทำให้ราคาหุ้นร่วงลงระดับนี้ สามารถเข้าสะสมได้ไหม 

บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น KEX  ผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุจากฮ่องกง ซึ่งเข้ามาเปิดธุรกิจขนส่งในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2545 กระทั่งมีจุดเปลี่ยนในช่วงปี 2554-2558 ที่พัฒนาสู่ธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนแบบครบวงจร เริ่มมีศูนย์คัดแยกพัสดุของตัวเอง และให้บริการจัดส่งในวันเดียวบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ หรือที่เรียกว่า Same Day Delivery ประกอบกับการเข้ามาของ E-Commerce รายใหญ่อย่าง Shopee และ Lazada ทำให้ “เคอรี่ เอ็กซ์เพรส” เติบโตอย่างมหาศาล

กระทั่ง เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ตัดสินใจนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในเดือนธันวาคม 2563 และเรียกเสียงฮือฮาตั้งแต่วันแรกที่เข้าเทรด โดยเปิดตลาดที่ราคา 65 บาท ปรับขึ้นสูงสุดไปถึง 73 บาท และปิดเทรดวันแรกที่ 51.25 บาท เหนือจองกว่า 83% จากราคาเสนอขาย IPO ที่ 28 บาท

หุ้นเคอรี่

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้หุ้น KEX โดดเด่นมาก ก็คือรายได้และกำไรในช่วงปี 2560-2562 นั้น เติบโตแบบก้าวกระโดด แถมโมเดลธุรกิจ ก็ดูน่าสนใจตอบโจทย์เทรนด์การซื้อสินค้าออนไลน์ ที่ยังมีโอกาสโตได้อีกมาก ถึงขั้นมีหลายคนหยิบไปวิเคราะห์ว่า เคอรี่อาจจะแซง ไปรษณีย์ไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

จากแนวโน้มธุรกิจและกระแสตอบรับของราคาหุ้นที่ดีมากในวันแรก ทำให้หุ้น KEX ถูกจับตามองอย่างมากว่าจะกลายเป็น Super Stock ดวงใหม่ที่สร้างผลตอบแทนได้อย่างงดงาม แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะหลังจาก IPO ได้ไม่นาน ราคาหุ้นก็ปรับตัวลงต่อเนื่อง และไม่เคยกลับมายืนอยู่ในระดับสูงอีกเลย

หุ้นเคอรี่ ราคาร่วงต่อเนื่องเพราะ?

ล่าสุด (เมื่อ 24 มิ.ย. 65) ราคาหุ้น KEX อยู่ที่ระดับ 23.80 บาท ซึ่งเป็นจุดที่ต่ำกว่าราคาเสนอขาย IPO เมื่อปีช่วงปลายปี 2563 และอัตราผลตอบแทน YTD ปรับลดลง 20.66% คำถามคือ อะไรทำให้ราคาหุ้นร่วงลงมาถึงระดับนี้ สามารถเข้าสะสมได้ไหม หรือพื้นฐานธุรกิจเปลี่ยนไปแล้ว

หุ้นเคอรี่

จุดเริ่มต้นการตกต่ำของราคาหุ้น KEX ส่งสัญญาณมาตั้งแต่การเห็นงบการเงินประจำปี 2563 ก็ว่าได้ เมื่อประกาศออกมาในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ก็ทำให้ราคาหุ้นไหลลงเรื่อย ๆ แม้บริษัทจะยังมีกำไรเพิ่มขึ้น 5.8% แต่จุดสำคัญที่ทำให้หลายคนกังวลคือ สัดส่วนรายได้ธุรกิจ B2B ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และการที่บริษัทปรับกลยุทธ์ลงไปแข่งขันในตลาดราคาประหยัด ซึ่งอาจกดดันมาร์จินในอนาคต

นอกจากนี้ ยังเผชิญแรงกดดันจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมขนส่ง จากผู้เล่นรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก อาทิ Best Express, J&T Express โดยเฉพาะ Flash Express ที่ไล่จี้มาติด ๆ ประกอบกับต้นทุนค่าดำเนินการที่สูงขึ้นจากราคาน้ำมัน ยังไม่รวมปัจจัยลบเรื่องเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น ที่ทำให้กำลังซื้อของประชาชนอ่อนแอ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ KEX จะเติบโตได้อย่างร้อนแรงเหมือนช่วงที่เริ่มต้นธุรกิจ

หุ้นเคอรี่

หุ้นเคอรี่ กับผลประกอบการช่วง 3 ปีที่ผ่านมา 

ผลประกอบการ KEX ระหว่างปี 2562 – 2564
ปี 2562 รายได้ 19,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.66% กำไร 1,329 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.15%
ปี 2563 รายได้ 19,010 ล้านบาท ลดลง 4.45% กำไร 1,405 ล้านบาท ลดลง 5.72%
ปี 2564 รายได้ 18,972 ล้านบาท ลดลง 0.20% กำไร 46.9 ล้านบาท ลดลง 96.66%

บล. ทิสโก้ ระบุว่า KEX มีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนการขนส่งพัสดุ คาดว่าทุกๆ การปรับขึ้นของราคาน้ำมันดีเซล 5 บาท จะกระทบต่ออัตรากําไรขั้นต้นของบริษัทให้ลดลง 1.5% จากประมาณการปัจจุบัน

ทั้งนี้ การที่ KEX ขาดทุน 491 ล้านบาทในไตรมาส 1/65 ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สอง และจากสถานการณ์ในปัจจุบัน จึงคาดว่าบริษัทจะยังคงมีผลขาดทุนไปอีกอย่างน้อยหนึ่งไตรมาส ดังนั้น จึงแนะนำ “ขาย” หุ้น KEX ที่ราคาเป้าหมาย 17.50 บาท เนื่องจากแนวโน้มต้นทุนยังคงกดดันอัตรากําไร ประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรงและกําลังซื้อลดลง

หมายเหตุ | บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำหรือแนะนำให้ซื้อ ถือหรือขายหุ้นแต่อย่างใด ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน