Stock

‘ปีทองหุ้นโรงกลั่น’ BCP-SPRC-TOP ค่าการกลั่น พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

‘ปีทองหุ้นโรงกลั่น’ BCP-SPRC-TOP ค่าการกลั่น พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ เป็นหุ้นโรงกลั่นที่น่าจะได้ประโยชน์สูงสุดในปีนี้

ธุรกิจโรงกลั่นถือว่าเป็นกลุ่มที่กลับมาโดดเด่นอย่างมากในปีนี้ สามารถดันราคาหุ้นบวกสวนตลาด เพราะได้รับประโยชน์จากภาวะเศรษฐกิจ จากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เปิดให้มีการเดินทางทั่วโลก กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบจากสถานการณ์สงครามรัสเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ

ส่งผลให้ “ค่าการกลั่น” (Gross Refining Margin : GRM) ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด บล. ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ค่าการกลั่นในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ขึ้นไปสูงถึงระดับ 26.60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นการทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์

โรงกลั่น

ค่าการกลั่นเป็นตัวบ่งบอกทิศทางอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจโรงกลั่น ยิ่งสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น เนื่องจากเป็นส่วนต่าง (Spread) ระหว่างต้นทุนราคาน้ำมันดิบกับราคาน้ำมันสำเร็จรูปหน้าโรงกลั่น แต่ทั้งนี้ การที่ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น ไม่ได้แปลว่าโรงกลั่นจะได้ประโยชน์เสมอไป เพราะน้ำมันดิบก็คือต้นทุนหนึ่งของการกลั่นน้ำมัน แต่โรงกลั่นจะได้รับผลดีก็ต่อเมื่อราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปต่างๆ เช่น น้ำมันเบนซิน, น้ำมันดีเซล, น้ำมันหล่อลื่น, ยางมะตอย ฯลฯ ปรับตัวสูงขึ้นตามด้วย ซึ่งจะต้องมีแรงหนุนจากความต้องการใช้นั่นเอง

ดังนั้น สถานการณ์ที่ดีที่สุดของโรงกลั่น จะเกิดขึ้นในเวลาที่น้ำมันดิบอยู่ในช่วงขาขึ้น ประกอบกับราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปอยู่ในระดับสูงจากความต้องการใช้ของภาคอุตสาหกรรมและประชาชนทั่วไป ทำให้ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือว่าช่วงนี้กำลังกลับเข้าสู่จุดที่ดีที่สุดของธุรกิจโรงกลั่นก็ว่าได้ นอกเหนือจากนั้นแล้ว ผู้ประกอบธุรกิจโรงกลั่นหลายแห่งยังเดินเครื่องกำลังการผลิตอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยมี Refinery Utilization rate กลับมาใกล้เคียงตอน Pre-COVID

เราจะสังเกตเห็นว่าราคาหุ้นโรงกลั่นตั้งแต่ต้นปี ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นชัดเจน เช่นเดียวกับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 ที่ส่วนใหญ่มีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น ซึ่งนี้เป็นคุณสมบัติของหุ้นเทิร์นอะราวด์ (Turnaround) ที่หลายคนตามหา

อย่างไรก็ดี เรามองว่าหุ้นโรงกลั่นที่น่าจะได้ประโยชน์สูงสุดในปีนี้ คือ หุ้น BCP บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หุ้น SPRC บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) และ หุ้น TOP บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ด้วยเหตุผล ดังนี้

โรงกลั่น

BCP น่าสนใจตรงที่ราคาหุ้นยัง laggard กลุ่ม และในปี 2565 จะได้ประโยชน์จากการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพการกลั่นโครงการ 3E ที่จะมี High Value Product เพิ่มขึ้น ทำให้เดินเครื่องกลั่นได้เต็มที่ 120,000 แสนบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ BCP มีธุรกิจสำรวจ&ขุดเจาะในนอร์เวย์ ซึ่งไม่ได้มีการขายไปยังรัสเซียและอยู่ห่างจากพื้นที่ความขัดแย้ง จึงเป็นปัจจัยหนุนกำไรจากฐานการผลิตปิโตรเลียมในยุโรป อีกประเด็นคือ BCP ไม่มีธุรกิจปิโตรเคมี ทำให้รับประโยชน์เต็มที่จากราคาน้ำมันขาขึ้น

SPRC เป็นหนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันชั้นนำในประเทศไทย กำลังการผลิต 175,000 บาร์เรลต่อวัน จุดเด่นคือมุ่งเน้นในธุรกิจโรงกลั่นอย่างเดียว โดยมีผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีบ้างเล็กน้อย ทำให้ภาพรวมธุรกิจแข็งแกร่ง ซึ่งบริษัทมีกลยุทธ์เพิ่มผลผลิต light products ให้ได้สูงที่สุดเพื่อได้ประโยชน์จาก crack spread ที่สูง ส่วนปัจจัยลบเรื่องการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายจากเหตุการณ์น้ำมันรั่ว ทาง SPRC เผยว่าส่วนใหญ่ตั้งไปแล้วในไตรมาสแรก หากมีเพิ่มอีกก็จะเหลือเพียงเล็กน้อยในไตรมาส 2/65

TOP มีความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน เนื่องจากเป็นโรงกลั่นขนาดใหญ่ที่สุดในไทย กำลังการผลิต 275,000 บาร์เรลต่อวัน จึงได้รับประโยชน์มากที่สุดจากค่าการกลั่นขาขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทยังมี 2 โครงการใหญ่ที่จะเข้ามาหนุนอัตรากำไรให้โดดเด่นขึ้นไปอีก นั่นคือ โครงการ CFP และ CAP ซึ่งแปลว่าได้ว่าไทยออยล์จะเป็นเพียงไม่กี่โรงกลั่นในภูมิภาคที่มีกำลังการผลิตเพิ่มสูงขึ้น เพื่อรองรับความต้องการในอนาคต

ปิดท้ายกันที่ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นโรงกลั่นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา (Year to date ณ วันที่ 1 มิ.ย.65) พบว่าราคาหุ้น BCP ปรับเพิ่มขึ้น 28.43% SPRC ปรับเพิ่มขึ้น 24.87% และ TOP ปรับเพิ่มขึ้น 16.50%

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน