Stock

‘ดาวโจนส์’ ร่วงกว่า 400 จุด ‘แนสแด็ก’ ดิ่งเกือบ 3% เหตุ ‘บอนด์ยีลด์’ พุ่งแรง กังวล ‘เศรษฐกิจจีน’

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ เปิดซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (9 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วงลงต่อเนื่อง หลัง “บอนด์ยีลด์” พุ่งสูง และนักลงทุนกังวลอย่างมาก เกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนชะลอตัวแรง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 32,459.40 จุด ร่วงลง 439.97 จุด หรือ 1.34% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,039.57 จุด ร่วงลง 83.77 จุด หรือ 2.03% และดัชนีแนสแด็กที่ 11,818.07 จุด ดิ่งลง 326.60 จุด หรือ 2.69%

ดาวโจนส์

หุ้น 11 กลุ่มในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลงทั้งหมด นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดิ่งลง 3.4% หลังราคาน้ำมันร่วงลงมากกว่า 2% จากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่ซบเซา และนครเซี่ยงไฮ้เพิ่มความเข้มงวดในมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเดินสู่ขาลง

ขณะเดียวกัน ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 3.18% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2561

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

ตลาดยังถูกกดดัน จากกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนมิถุนายน แม้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่าเฟดยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงขนาดนั้นก็ตาม

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิถุนายนนี้ เพิ่มขึ้นจากระดับ 19% เมื่อเดือนที่แล้ว

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมมากกว่า 2.00% ในปีนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นแตะระดับ 2.85% ในช่วงสิ้นปีนี้

นักลงทุน ยังจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันพุธนี้ (11 พ.ค.) ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในการประชุมเดือนหน้า

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo