Stock

‘ดาวโจนส์’ พุ่งกว่า 400 จุด รับผลประกอบการแกร่ง เมินปัจจัยเสี่ยง ‘เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย-สงครามยูเครน’

ตลาดหุ้นสหรัฐ เปิดซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (19 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ทะยานกว่า 400 จุด แรงหนุนจากรายงานผลประกอบที่แข็งแกร่ง ช่วยชดเชยกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้น และทำให้นักลงทุนมองข้ามความเสี่ยงที่เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย รวมถึง สงครามยูเครน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 34,851.27 จุด พุ่งขึ้น 439.58 จุด หรือ 1.28% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,449.62 จุด ปรับขึ้น 57.93 จุด หรือ 1.32% และดัชนีแนสแด็กที่ 13,577.53 จุด ทะยานขึ้นมา 245.17 จุด หรือ 1.84%

ดาวโจนส์

ราคาหุ้นของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) พุ่งขึ้นกว่า 3% ในการซื้อขายวันนี้ หลังบริษัทเปิดเผยว่ามีกำไรในไตรมาสแรกสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แม้บริษัทจะปรับลดตัวเลขคาดการณ์ยอดขาย และกำไรประจำปี 2565 พร้อมยุติการให้ตัวเลขคาดการณ์รายได้จากการจำหน่ายวัคซีนโควิด-19 ในปีนี้ เนื่องจากภาวะวัคซีนล้นตลาด ท่ามกลางความไม่แน่นอนของอุปสงค์

นักลงทุนยังจับตาผลประกอบการของ “เน็ตฟลิกซ์” และ “ไอบีเอ็ม” ซึ่งกำหนดเปิดเผยหลังปิดตลาด

อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 2.91% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2561 ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทั้งในเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน ซึ่งหากเฟดขึ้นดอกเบี้ยตามที่ประเมินไว้ ก็จะเป็นครั้งแรกที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% นับตั้งแต่ปี 2543

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือเบจบุ๊ค (Beige Book) ของเฟด ที่จะเปิดเผยวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางดอกเบี้ยของเฟด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo