ตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (24 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ฟื้นตัวมาอยู่ในแดนบวกอีกครั้ง จากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นตัวใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยี หลังคลายวิตกเรื่องเงินเฟ้อ จากราคาน้ำมันดิบ ที่ชะลอตัวลง และข้อมูลเศรษฐกิจแข็งแกร่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดที่ 34,707.94 จุด เพิ่มขึ้น 349.44 จุด หรือ 1.02%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,520.16 จุด เพิ่มขึ้น 63.92 จุด หรือ 1.43% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 14,191.84 จุด เพิ่มขึ้น 269.23 จุด หรือ 1.93%
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิปพุ่งขึ้น 2.71% และหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวขึ้น 1.96% เช่นเดียวกับ หุ้นกลุ่มธนาคาร ที่ขยับขึ้น หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวขึ้นมาอยู่ที่ 2.341%
ข้อมูลเศรษฐกิจแกร่งหนุนดาวโจนส์ฟื้นตัวแรง
ตลาดดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวลงกว่า 2% ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ และการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท กำหนดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 2.59 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 112.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.57 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 119.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 28,000 ราย มาอยู่ที่ 187,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2512 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 212,000 ราย
ทางด้านเอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนมีนาคม ของสหรัฐอยู่ที่ 58.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 57.3 ในเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนมีนาคม อยู่ที่ 58.9 สูงสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 56.5 ในเดือนที่แล้ว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% หั่นคาดการณ์ ‘เศรษฐกิจสหรัฐ’ ปี 65 โตแค่ 2.8%
- ‘ไอเอ็มเอฟ’ เตือน ‘เศรษฐกิจเกิดใหม่’ จัดมาตรการ รับมือ ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ย
- ห่วงวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน ดันราคาพลังงานทะยานขึ้น กระทบเงินเฟ้อเป็นโดมิโน
