ตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (18 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ทะยานขึ้นกว่า 200 จุด ส่วน “แนสแด็ก” ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นอย่างมาก หลังจากที่การเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เกี่ยวกับวิกฤติยูเครน สิ้นสุดลงโดยไม่มีเรื่องน่าประหลาดใจอย่างมากแต่อย่างใด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 34,754.93 จุด เพิ่มขึ้น 274.17 จุด หรือ 0.80%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,463.12 จุด เพิ่มขึ้น 51.45 จุด หรือ 1.17% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 13,893.84 จุด เพิ่มขึ้น 279.06 จุด หรือ 2.05%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีทั้ง 3 ตัวปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุด นับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2563 โดยดัชนีดาวโจนส์ พุ่งขึ้น 5.5% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 พุ่งขึ้น 6.2% และดัชนีแนสแด็กขึ้น 8.2%
ราคาน้ำมันที่ลดลง ยังช่วยคลายความวิตกให้กับตลาด โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท กำหนดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1.72 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 104.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ลดลง 4.2% ในสัปดาห์นี้
ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ กำหนดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 1.29 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 107.93 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ลดลง 4.2% ในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันพุธ (16 มี.ค.) รวมถึงแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ
ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ไบเดนได้เตือนประธานาธิบดีสีว่า จะมีผลกระทบตามมา หากจีนให้การสนับสนุนรัสเซียในการบุกโจมตียูเครน โดยทั้งสหรัฐและจีนได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ไขวิกฤติด้วยวิธีทางการทูต ขณะที่ผู้นำจีน เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกนาโตจัดการเจรจากับรัสเซีย และไม่ได้ตำหนิที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดบวกในวันศุกร์ โดยกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปิดบวก 2.2% และกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร เพิ่มขึ้น 1.4% ขณะที่หุ้นลบเพียงกลุ่มเดียวได้แก่กลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งลดลง 0.9%
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% หั่นคาดการณ์ ‘เศรษฐกิจสหรัฐ’ ปี 65 โตแค่ 2.8%
- ‘ไอเอ็มเอฟ’ เตือน ‘เศรษฐกิจเกิดใหม่’ จัดมาตรการ รับมือ ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ย
- ห่วงวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน ดันราคาพลังงานทะยานขึ้น กระทบเงินเฟ้อเป็นโดมิโน