Stock

รู้จักหุ้นน้ำมันในแต่ละกลุ่มธุรกิจ ‘ใครได้-ใครเสีย’ จากราคาน้ำมัน

รู้จักหุ้นน้ำมัน ในแต่ละกลุ่มธุรกิจ ใครได้-ใครเสีย จากราคาน้ำมัน กับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันเป็นปัจจัยสำคัญต่อทิศทางการลงทุนอย่างมาก เพราะมีผลต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มต่างๆ ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่ได้รับประโยชน์และเสียผลประโยชน์

หุ้นน้ำมัน

หุ้นน้ำมันกับสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน 

ราคาน้ำมัน ส่งผลกระทบเฉพาะแค่กลุ่มธุรกิจน้ำมัน  แต่ยังมีผลทางอ้อมต่อหลายๆ ธุรกิจ เช่น การขนส่งสินค้า เดินเรือ สายการบิน สินค้าอุตสาหกรรม ยานยนต์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม บทความนี้เราจะขอลงรายละเอียดเฉพาะกลุ่มธุรกิจน้ำมันที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเท่านั้น

ทั้งนี้ จะขอแบ่งหุ้นกลุ่มน้ำมันใน ตลาดหุ้นไทย ออกเป็น 3 กลุ่มตามวงจรธุรกิจน้ำมันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ดังนี้

1. กลุ่มต้นน้ำ คือ การสำรวจและขุดเจาะแหล่งน้ำมันดิบ

2. กลุ่มกลางน้ำ คือ โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมและผลิตปิโตรเคมี

3. กลุ่มปลายน้ำ คือ ค้าปลีกและสถานีบริการน้ำมันต่าง ๆ โดยต้องบอกว่าทั้ง 3 กลุ่มจะได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันที่แตกต่างกัน ดังนี้

กลุ่มต้นน้ำ (Upstream) คือ การสำรวจและขุดเจาะแหล่งน้ำมันดิบ

ตัวอย่างเช่น หุ้น PTTEP หรือ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)

นี่คือกลุ่มที่มีความอ่อนไหวกับราคาน้ำมันมากที่สุด เพราะเป็นการออกไปสำรวจหาแหล่งน้ำมันดิบทั้งในทะเลและบนบก แล้วนำผลผลิตที่ได้ออกมาจำหน่ายให้กับกลุ่มโรงกลั่น ดังนั้น จึงมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับราคาน้ำมัน คือ ได้ประโยชน์เมื่อราคาน้ำมันแพง และเสียประโยชน์เมื่อราคาน้ำมันถูก เนื่องจากต้นทุนการผลิตเป็น Fixed cost ที่ค่อนข้างคงที่ ดังนั้น กำไรจะมากหรือน้อย จึงขึ้นอยู่กับราคาขายน้ำมันเป็นหลัก

หุ้นน้ำมัน

กลุ่มกลางน้ำ (Midstream) คือ โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมและผลิตปิโตรเคมี
ตัวอย่างเช่น หุ้น TOP หรือ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน), PTTGC หรือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน), IRPC บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน), BCP หรือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), SPRC หรือ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) และ IVL หรือ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

ขอนิยามว่าเป็นกลุ่มปลายน้ำ เพราะรับซื้อน้ำมันดิบแล้วนำมาเข้าสู่กระบวนการกลั่นเพื่อผลิตออกมาเป็นน้ำมันสำเร็จรูป เช่น น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันหล่อลื่น น้ำมันอากาศยาน ฯลฯ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและเม็ดพลาสติกต่างๆ ซึ่งการวิเคราะห์ราคาน้ำมันกับหุ้นกลุ่มนี้จึงค่อนข้างมีความซับซ้อน เพราะเป็นทั้งต้นทุนในการผลิต และยังมีผลต่อราคาขายผลิตภัณฑ์ในอนาคตอีกด้วย แต่ในภาพรวมแล้วการที่ราคาน้ำมันเป็นขาขึ้น มักส่งผลดีมากกว่าผลต่อเสีย อย่างไรก็ตาม ต้องขึ้นอยู่กับการบริหารสต๊อกน้ำมัน และผลิตภัณฑ์การกลั่นของแต่ละบริษัทด้วย

กลุ่มปลายน้ำ (Downstream) คือ ค้าปลีกและสถานีบริการน้ำมัน
ตัวอย่างเช่น หุ้น OR หรือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน), PTG หรือ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) และ SUSCO หรือ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

หุ้นน้ำมัน

สุดท้ายเป็นกลุ่มปลายน้ำ ที่รับซื้อน้ำมันสำเร็จรูปจากกลุ่มโรงกลั่น เพื่อนำมาจัดจำหน่ายผ่านสถานีบริการน้ำมันต่างๆ ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเสียประโยชน์จากการปรับเพิ่มชึ้นของราคาน้ำมัน เพราะส่งผลต่อปริมาณการขาย และส่งผลทางอ้อมต่อค่าการตลาด ซึ่งเป็นมาร์จินของธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน เนื่องจากเมื่อราคาน้ำมันแพงขึ้น รัฐมักจะเข้ามาควบคุมราคาโดยขอความร่วมมือให้ผู้ค้าปรับลดค่าการตลาดเพื่อพยุงราคาไว้นั่นเอง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน