Stock

‘รัสเซีย’ ประกาศ พร้อมเจรจา ‘ยูเครน’ หนุน ‘ดาวโจนส์’ ทะยานกว่า 600 จุด

ตลาดหุ้นสหรัฐ เปิดซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (25 ก.พ.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ทะยานขึ้นมากว่า 600 จุด หลังรัสเซียระบุ “ปูติน” พร้อมเปิดเจรจากับยูเครน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 33,845.14 จุด พุ่งขึ้น 621.31 หรือ 1.87% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,360.56 จุด ปรับขึ้น 71.86 จุด หรือ 1.68% และดัชนีแนสแด็กที่ 13,614.23 จุด บวก 140.65 จุด หรือ 1.04%

วันนี้ ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ร่วงลง 9.07% สู่ระดับ 27.57 หลังจากพุ่งขึ้น 14% เมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) ขณะที่ราคาหุ้นในตลาด ปรับตัวขึ้นทุกกลุ่ม

ดาวโจนส์

ตลาดได้แรงหนุนจากการที่ นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัสเซียพร้อมส่งคณะผู้แทนไปยังกรุงมินสก์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเบลารุส เพื่อเจรจากับยูเครน ซึ่งผู้แทนของรัสเซีย จะรวมถึงเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหม

ก่อนหน้านี้ ยูเครนเคยระบุว่า พร้อมที่จะประกาศว่ าเป็นประเทศที่เป็นกลาง อย่างไรก็ดี นายเพสคอฟกล่าวว่ายูเครนจะต้องปลดอาวุธ และไม่มีกองทัพ โดยเป็นประเทศปลอดทหาร เพื่อให้เข้าเกณฑ์ประเทศที่เป็นกลาง

ทางด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันนี้ โดยนายปูตินกล่าวว่า รัสเซียพร้อมที่จะเจรจาในระดับสูงกับทางการยูเครน

ขณะเดียวกัน ตลาดจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในวันที่ 2-3 มีนาคมนี้ โดยอาจเป็นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงินต่อสาธารณะเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 มีนาคม

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนมกราคม หลังจากเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนธันวาคม แรงหนุนจากคำสั่งซื้อเครื่องบิน

ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุน ที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ พุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธันวาคม

ขณะที่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ พุ่งขึ้น 5.2% ในเดือนมกราคม เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2526 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.1%

ส่วนดัชนี PCE ทั่วไป รวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 6.1% ในเดือนมกราคม เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2525

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo