ลงทุนในยุคดอกเบี้ยขาขึ้น ได้เวลา “หุ้นคุณค่า” Value Stock หรือที่ใครหลายคนอาจจะเรียกว่า ‘หุ้นพื้นฐาน’
นับเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุน ควรหันมาทบทวนพอร์ตของตัวเองได้แล้ว จากทิศทางภาวะดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 5 ครั้งในปี 2565 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐ ณ สิ้นปีนี้อยู่ที่ราว 1.25-1.50% ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ด้วย
สาเหตุที่ธนาคารกลาง หลายประเทศเริ่มขยับขึ้นดอกเบี้ย เพราะต้องการชะลอความร้อนแรงของเงินเฟ้อ หลังจากที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในตอนนี้กำลังกลับมาฟื้นตัวในระดับสูงอีกครั้ง อย่างล่าสุดมีการประกาศอัตราเงินเฟ้อสหรัฐ เดือนมกราคม 2565 แตะที่ระดับ 7.5% สูงสุดในรอบ 40 ปี
ลงทุนในยุคดอกเบี้ยขาขึ้น ได้เวลา “หุ้นคุณค่า”
ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงดิ่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น รวมถึงตลาดใหม่อย่างสินทรัพย์ดิจิทัล นั่นเพราะโดยทั่วไปแล้วเมื่อดอกเบี้ยสูง มักจะส่งผลเสียต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนให้มีแนวโน้มลดลง จากต้นทุนทางการเงินที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริษัทที่มีลักษณะเป็น ‘หุ้นเติบโต’ หรือ Growth Stock
หลีกเลี่ยงหุ้นเติบโต (Growth Stock) ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น
ความกังวลแรกๆ เวลามีข่าวการปรับขึ้นดอกเบี้ย มักจะเป็นแนวทางการนักลงในหุ้นเติบโต เพราะด้วยธรรมชาติของหุ้นเติบโต ที่เน้นสร้างการเติบโตของรายได้และกำไร จึงจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากเพื่อการขยายกิจการ ดังนั้นเมื่อดอกเบี้ยสูงขึ้น เลยทำให้ภาระทางการเงินของหุ้นกลุ่มนี้สูงขึ้นตาม และมีผลต่อแนวโน้มการเติบโตนั่นเอง
นอกจากนี้ หุ้นเติบโต จะมีมูลค่าที่ค่อนข้างแพงจากอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E ratio) สูง และราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV ratio) สูง แต่ให้อัตราการจ่ายเงินปันผล (dividend yield) ต่ำ เนื่องจากเป็นหุ้นที่ธุรกิจยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน เพียงแต่ใช้เรื่องราว (story) ในอนาคตมาเป็นแรงดึงดูด
เมื่อดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง ความน่าสนใจของหุ้นเติบโตจึงลดน้อยลงไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเรื่องแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจที่ยากลำบากขึ้น รวมไปถึงเรามีทางเลือกลงทุนมากขึ้น เช่น เงินฝาก พันธบัตร หุ้นกู้ และหุ้นคุณค่า (Value Stock) ที่อาจจะตอบโจทย์มากกว่าในระดับความเสี่ยงที่ต่ำลง
โอกาสหุ้นคุณค่า (Value Stock) ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น
หุ้นที่น่าจับตามองในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ควรเป็นหุ้นที่มีมูลค่าไม่แพง P/E ต่ำ ปันผลสูง และสามารถมีผลประกอบการที่ดีแน่นอนสม่ำเสมอ ที่สำคัญต้องเป็นธุรกิจที่มีความต้านทานต่อสภาวะเงินเฟ้อ และดอกเบี้ยสูงได้เป็นอย่างดี ซึ่งนี่คือคุณสมบัติของ ‘หุ้นคุณค่า’ (Value) หรือที่ใครหลายคนอาจจะเรียกว่า ‘หุ้นพื้นฐาน’
สำหรับในตลาดหุ้นไทย เมื่อเรานึกถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีน้ำหนักสูงในหุ้นกลุ่ม Value ก็คงหนีไม่พ้นหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มค้าปลีก รวมถึงกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทดั้งเดิมขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน และมีความแข็งแกร่ง
เทคนิคค้นหาหุ้นคุณค่าในเบื้องต้น ประกอบไปด้วย 4 ปัจจัย ดังนี้
1. พื้นฐานกิจการดี
2. รายได้และกำไรเติบโตสม่ำเสมอ
3. จ่ายปันผลสม่ำเสมอ
4. ราคาไม่แพง
อย่างไรก็ตาม การจะค้นหาหุ้นคุณค่าพื้นฐานดี อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก จำเป็นต้องพึ่งพาการวิเคราะห์และศึกษาข้อมูลธุรกิจอย่างจริงจัง เพราะหัวใจสำคัญของการลงทุนหุ้นคุณค่า คือเราต้องทำความเข้าใจข้อมูลบริษัทและงบการเงินของหุ้นตัวนั้นให้ถ่องแท้ และหมั่นติดตามอย่างสม่ำเสมอ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เช็คราคาเป้าหมาย ‘หุ้น KCE’ หลังกำไรปี 2564 โตแรง 115%
- IRPC แจ้งผลประกอบการ ปี 64 กำไร 14,505 ล้านบาท – แจ้งจ่ายปันผล 0.22 บาทต่อหุ้น
- สมาคมนักวิเคราะห์ฯ ‘เฟ้น 5 หุ้นเด่น’ ปี 2565 – วางเป้า SET แตะ 1,760 จุด
