Stock

หุ้นแบงก์-เทคโนโลยี โดนเทขายหนัก ฉุด ‘ดาวโจนส์’ ทรุดเกิน 500 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ปิดร่วงลงกว่า 500 จุด เมื่อวานนี้ (18 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น  หลังหุ้นกลุ่มธนาคารโดนเทขายอย่างหนัก หลัง “โกลด์แมน แซคส์” พลาดเป้ากำไรไตรมาส 4 ปีที่แล้ว  ขณะ “แนสแด็ก” ร่วงกว่า 2% จากการดิ่งลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดซื้อขายที่ 35,368.47 จุด ลดลง 543.34 จุด หรือ 1.51%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,577.11 จุด ลดลง 85.74 จุด หรือ 1.84% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 14,506.90 จุด ลดลง 386.86 จุด หรือ 2.60%

โมนา มาฮาจาน นักวิเคราะห์จากบริษัท Edward Jones Investments กล่าวว่า หุ้นเติบโต (Growth Stocks) ซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย เช่นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ถูกกดดันอย่างหนัก หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.87% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม

shutterstock 1965380701

ขณะที่ รายงานผลสำรวจของแบงก์ ออฟ อเมริกา แสดงให้เห็นว่า บรรดาผู้จัดการกองทุนได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุน ของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลงสู่ระดับต่ำสุด นับตั้งแต่ปี 2551

ทางด้านผลสำรวจของดอยซ์แบงก์ ระบุว่า ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐเข้าสู่ภาวะฟองสบู่แล้ว

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 2.49% โดยหุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ (เฟซบุ๊ก) ดิ่งลง 4.14% หุ้นแอปเปิ้ล ลดลง 1.89% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.43% หุ้นอัลฟาเบท ดิ่งลง 2.5% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 2.83% หุ้นอินเทล ลดลง 1.69%

ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลง 2.3% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า กำไรในไตรมาส 4/2564 ร่วงลง 13% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 3.94 พันล้านดอลลาร์ หรือ 10.81 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของ Refinitiv คาดว่าจะอยู่ที่ 11.76 ดอลลาร์/หุ้น  สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 23% แตะที่ 7.27 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 6.77 พันล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 6.97% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 3.44% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 4.93% หุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 4.19% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลดลง 2.34% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 2.43%

หุ้นไฟเซอร์ ปรับตัวลง 1.53% หลังจากศูนย์การแพทย์เชบา ของอิสราเอลเปิดเผยผลการวิจัยเบื้องต้นระบุว่า วัคซีนเข็มที่ 4 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอนเทค ไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน

อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 0.4% หลังราคาน้ำมันเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.71% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.29% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ เพิ่มขึ้น 0.81% หุ้นออกซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 1.49%

นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 25-26 มกราคมนี้ เพื่อรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนได้ออกมาส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo