ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (12 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยล่าสุด ดาวโจนส์พลิกร่วงมาอยู่ในแดนลบ หลังจากช่วงเปิดตลาด ทะยานขึ้นกว่า 100 จุด ขานรับ ดัชนีซีพีไอ เพิ่มขึ้นตามการคาดการณ์ก่อนหน้านี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 36,185.84 จุด ลดลง 66.18 จุด หรือ 0.18% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,711.83 จุด ขยับลงมา 1.24 จุด หรือ 0.03% และดัชนีแนสแด็กที่ 15,146.11 จุด ลบ 7.34 จุด หรือ 0.05%
ในช่วงเปิดตลาด ดาวโจนส์ทะยานขึ้นไปมากกว่า 100 จุด หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.0% ในเดือนธันวาคม เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2525 แต่สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังได้ปัจจัยบวกจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงหลุดระดับ 1.72% หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าว
ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
อย่างไรก็ดี การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ในช่วงสัปดาห์แรกของปี 2565 จุดชนวนให้เกิดการเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างหนัก บ่งชี้ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่ร้อนแรงดังกล่าว ประกอบกับการเคลื่อนไหวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังเป็นความกังวลเล็ก ๆ ที่เกาะติดตลาดอยู่
ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารขนาดใหญ่ เช่น เจพีมอร์แกน เชส, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โกจะเปิดเผยผลประกอบการในวันศุกร์นี้ (14 ม.ค.)
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เงินเฟ้อสูง ราคาของแพงขึ้น หุ้นแบบไหนน่าลงทุน?
- มุมมองการลงทุน วิเคราะห์ ‘หุ้นเด่น ปี 2565’
- ‘เฟด’ ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งปี 65 หยุดทำ ‘คิวอี’ เดือนมี.ค.