ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (6 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ดาวโจนส์เดินสู่ขาลง ท่ามกลางการซื้อขายที่ค่อนข้างผันผวน หลังรายงานการประชุมเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายธนาคารกลางสหรัฐ บ่งชี้ว่า อาจจะมีการขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์กันไว้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 36,283.15 จุด ลดลง 123.96 จุด หรือ 0.34% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,710.20 จุด ขยับขึ้น 9.62 จุด หรือ 0.20% และดัชนีแนสแด็ก ที่ 15,185.38 จุด บวก 85.20 จุด หรือ 0.56%
วันนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น ขานรับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย เช่นเดียวกับ หุ้นกลุ่มพลังงาน ที่ดีดตัวขึ้นมา ตามราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การซื้อขายในตลาดถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1.75% ขณะที่เฟดส่งสัญญาณว่าจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลหลังจากที่เฟดได้เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่า นอกจากเฟดจะซื้อพันธบัตรในอัตราที่ลดลง จากการที่เฟดลดวงเงินทำคิวอี เฟดยังจะขายพันธบัตรที่ถือครองอยู่ออกมา เพื่อลดขนาดงบดุล ซึ่งขณะนี้พุ่งสูงกว่า 8 ล้านล้านดอลลาร์ ด้วย
ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าสหรัฐพุ่งขึ้น 19.4% มาอยู่ที่ 80,200 ล้านดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน 2564 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 77,100 ล้านดอลลาร์ และเพิ่มขึ้นอย่างมากจากจำนวน 67,200 ล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว แต่ยังน้อยกว่าเดือนกันยายน ที่ขาดดุลการค้ามากเป็นประวัติการณ์ 81,400 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย มาอยู่ที่ 207,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 195,000 ราย
อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกต่ำกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกัน ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 204,500 ราย
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานด้วยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 36,000 ราย สู่ระดับ 1.75 ล้านราย
ตลาดยังจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ที่จะประกาศออกมาในวันพรุ่งนี้ (7 ม.ค.) ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งในการกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 422,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม และอัตราว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 4.1%
ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 210,000 ตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 581,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 4.2% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.5%
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘บัฟเฟตต์’ รุกซื้อหุ้นแอปเปิ้ลเพิ่ม หลังมาร์เก็ตแคปทะลุ 3 ล้านล้านดอลล์
- มุมมองการลงทุน วิเคราะห์ ‘หุ้นเด่น ปี 2565’
- ‘เฟด’ ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งปี 65 หยุดทำ ‘คิวอี’ เดือนมี.ค.
