ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (29 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ยังอยู่ในแดนบวก 6 วันติดต่อกัน แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มค้าปลีก อย่าง โฮมดีโป้ และไนกี้ ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้นักลงทุนกลับมาเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังอีกครั้ง ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี ที่มีปริมาณการซื้อขายอย่างเบาบาง
ดัชนีเฉลียอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 36,456.34 จุด ปรับขึ้น 58.13 จุด หรือ 0.16% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,788.65 จุด ขยับขึ้น 2.30 จุด หรือ 0.05% และดัชนีแนสแด็กที่ 15,753.54 จุด ลดลง 28.18 จุด หรือ 0.18%
วันนี้ ตลาดได้แรงหนุนขาขึ้น จากหุ้นกลุ่มค้าปลีก นำโดยโอม ดีโป้ และไนกี้ อิงค์ ที่ราคาหุ้นทะยานขึ้นมา 1% และ 2% ตามลำดับ จากรายงานที่บ่งชี้ว่า ยอดขายช่วงเทศกาลปลายปี ของผู้ค้าปลีกในสหรัฐ แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ผลการศึกษาของหลายสถาบันวิจัยก่อนหน้านี้ ที่บอกว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน มีความเสี่ยงน้อย ที่จะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เมื่อเทียบกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อื่น ยังทำให้นักลงทุนคลายความวิตก ถึงผลกระทบที่การระบาดระลอกล่าสุด จะมีต่อเศรษฐกิจด้วย
ขณะนี้ ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 20% จากต้นปีนี้ และนักลงทุนคาดว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีท จะยังคงดีดตัวขึ้นในช่วงปลายปีนี้ จากปรากฎการณ์ “ซานต้า แรลลี่” ซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยมีขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่
จากการรวบรวมสถิติการปรับตัวของตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วง 7 วันของซานต้า แรลลี่ พบว่า ดัชนีดาวโจนส์สามารถปิดตลาดในแดนบวกถึง 78% นับตั้งแต่ปี 2471 เป็นต้นมา
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘โกลด์แมน แซคส์’ หั่นคาดการณ์ ‘จีดีพีสหรัฐ’ ชี้ ‘โอไมครอน’ เพิ่มความเสี่ยง
- นักเศรษฐศาสตร์ชี้ ‘เศรษฐกิจสหรัฐ’ ฟื้นตัวช้า เซ่นพิษ ‘เดลตา’ ระบาดหนัก
- ทั่วโลกยกเลิกกว่า 4,500 เที่ยวบินช่วงคริสต์มาส สหรัฐมากสุด
