‘ดาวโจนส์’ ปิดแดนบวก แรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานทะยานแรง หลังราคาน้ำมันพุ่งไม่หยุด ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า โอเปก อาจจะระงับการผลิตเพิ่มในเดือนธันวาคม หลังสหรัฐ และชาติพันธมิตร ตัดสินใจระบายน้ำมันจากคลังสำรอง เพื่อสกัดราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวานนี้ (23 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ทะยานขึ้นกว่า 2% ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น ตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
อย่างไรก็ดี การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้สร้างแรงกดดันต่อกลุ่มเทคโนโลยี และเป็นปัจจัยฉุดดัชนีแนสแด็ก ปิดในแดนลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,813.80 จุด เพิ่มขึ้น 194.55 จุด หรือ 0.55%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,690.70 จุด เพิ่มขึ้น 7.76 จุด หรือ 0.17% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 15,775.14 จุด ลดลง 79.62 จุด หรือ 0.50%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน WTI โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.63% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.10% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ทะยานขึ้น 6.36% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 3.05% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 2.63%
ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.648% โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 2.64% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.51% หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 2.39% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ บวก 2.56%
ทางด้านราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) กำหนดส่งมอบเดือนธันวาคม ที่ตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.75 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 78.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขานรับการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส อาจระงับแผนเพิ่มกำลังการผลิต หลังจากที่สหรัฐและพันธมิตรประกาศระบายน้ำมันออกจากคลังสำรอง
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศว่า สหรัฐจะระบายน้ำมันดิบจำนวน 50 ล้านบาร์เรล ออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในตลาด ขณะที่รัฐบาลอินเดียประกาศระบายน้ำมันดิบจำนวน 5 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ สหรัฐจะระบายน้ำมันดิบร่วมกับสหราชอาณาจักร จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย ซึ่งถือเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกในการดำเนินมาตรการดังกล่าว
กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า ขณะนี้ SPR มีน้ำมันดิบรวม 604.5 ล้านบาร์เรล และน้ำมันดิบที่ถูกระบายออกมาจะเข้าสู่ตลาดภายในเวลา 13 วัน หลังจากที่ประธานาธิบดีมีคำสั่งดังกล่าว
ขณะที่ ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ กำหนดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 22.5 ดอลลาร์ หรือ 1.25% ปิดที่ 1,783.8 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองดิ่งหลุดจากระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 1,800 ดอลลาร์ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าการที่นายเจอโรม พาวเวล ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นสมัยที่ 2 จะส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- รู้จักหุ้นกลุ่ม ‘Anti-Oil’ ได้ประโยชน์ เมื่อราคาน้ำมันลดลง!!
- ดัชนีเชื่อมั่นทองคำปรับขึ้น 1.82 จุด หลังราคาน้ำมันพุ่ง-บาทอ่อนหนุน
- สุพัฒนพงษ์’ ปล่อย ‘รถบรรทุก’ ขึ้นค่าขนส่ง ลั่น รัฐตรึงราคาน้ำมันถึงที่สุดแล้ว