“ดาวโจนส์-น้ำมัน” กอดคอร่วงหนัก ท่ามกลางความกังวลว่าเฟด อาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ และสหรัฐ อาจระบายน้ำมัน ออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคา ขณะทองคำทะยานกว่า 16 ดอลลาร์ หลังนักลงทุนแห่เข้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ปิดร่วงลงกว่า 200 จุด เมื่อวานนี้ (17 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การพุ่งขึ้นของตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบียเร็วกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน และหุ้นบริษัทวีซ่า อิงค์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,931.05 จุด ลดลง 211.17 จุด หรือ 0.58%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,688.67 จุด ลดลง 12.23 จุด หรือ 0.26% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 15,921.57 จุด ลดลง 52.28 จุด หรือ 0.33%
ภาวะการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี และยอดค้าปลีกที่สูงกว่าคาดซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐนั้น อาจทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้
FedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งวิเคราะห์การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐ พบว่า นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2565 จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน
ทั้งนี้ สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนตุลาคมเมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2533 ส่วนยอดค้าปลีกเดือนตุลาคมพุ่งขึ้น 1.7% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.4%
ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท (WTI) กำหนดส่งมอบเดือนธันวาคม ซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ปิดร่วงหลุดจากระดับ 80 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 78.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 2.40 ดอลลาร์ หรือ 3%
นักลงทุน กังวลว่า รัฐบาลสหรัฐอาจระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน โดยตลาดถูกกดดันมากขึ้น หลังจากหนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐได้เรียกร้องให้จีนระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ เพื่อฉุดราคาน้ำมันให้ชะลอตัวลง โดยรายงานระบุว่า คำร้องขอดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างการประชุมทางไกลระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (15 พ.ย.)
ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาดด้วย
ทางด้านราคาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 16.1 ดอลลาร์ หรือ 0.87% ปิดที่ 1,870.2 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แรงหนุนจากที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลารยังช่วยให้ราคาทองคำ ซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลง และน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์ เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.09% แตะที่ 95.8305 เมื่อวานนี้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ดัชนีเชื่อมั่นทองคำปรับขึ้น 1.82 จุด หลังราคาน้ำมันพุ่ง-บาทอ่อนหนุน
- ชี้อัตราเงินเฟ้อยังเอื้อคงอัตราดอกเบี้ยต่ำ แม้ราคาน้ำมันพุ่ง
- ‘เฟด’ ส่งสัญญาณ หั่น ‘QE’ พร้อม ‘ขึ้นดอกเบี้ย’ ปีหน้า
