‘ดาวโจนส์’ ร่วงต่อเนื่อง จ่อหลุด 36,000 จุด กังวล ‘เงินเฟ้อ’ ยังกดดันตลาด

โดย The Bangkok Insight Editorial Team 11 พฤศจิกายน 2564

ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (11 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ยังร่วงต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ โดยในวันนี้เป็นวันทหารผ่านศึกของสหรัฐ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ และตลาดพันธบัตรปิดทำการ แต่ตลาดหุ้นยังคงเปิดทำการซื้อขายตามปกติ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ อยู่ที่ 36,015.13 จุด ร่วงลง 64.81 จุด หรือ 0.18% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,657.09 จุด ขยับขึ้น 10.38 จุด หรือ 0.22% และดัชนีแนสแด็กที่ 15,743.60 จุด เพิ่มขึ้น 120.90 จุด หรือ 0.77%

ดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 200 จุดวานนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ ที่พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี อาจเป็นปัจจัยผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้

นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในกลางปีหน้า หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในเดือนตุลาคม

FedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งวิเคราะห์การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม 2565 จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนกันยายน 2565

นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้ม 80% ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม 2565 และมีแนวโน้ม 100% ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน 2565 ส่วนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 คาดว่า จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2565 และยังคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้งในปี 2566

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยวานนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนตุลาคม เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2533 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.9% จากระดับ 5.4% ในเดือนกันยายน

ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนตุลาคม เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.6% จากระดับ 0.4% ในเดือนกันยายน

ขณะเดียวกัน ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนตุลาคม เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% จากระดับ 0.2% ในเดือนกันยายน และพุ่งขึ้น 6.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2533 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.0%

อ่านข่าวเพิ่มเติม