TTB กำไรสุทธิไตรมาส 3 เพิ่ม 45.7% ขณะที่ 9 เดือนกำไรลด 6.9%

TTB กำไรสุทธิในไตรมาส 3/2564 อยู่ที่ 2,359 ล้านบาท ลดลง 6.9% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 45.7% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน

สำหรับรอบ 9 เดือนปี 2564 กำไรสุทธิอยู่ที่ 7,675 ล้านบาท ลดลง 13.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งคิดเป็นอัตรา ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ ROE ที่ 5.0%

ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ระบุว่ายังคงดําเนินธุรกิจอย่างระมัดระวังท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากมาตรการผ่อนคลายการ ควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสถานการณ์ในการดําเนินธุรกิจที่เปราะบาง โดยให้ความสําคัญในภารกิจการรวมกิจการให้เสร็จสมบูรณ์ตามแผน

ธนาคารเติบโตสินเช่ือใหม่อย่างระมัดระวังและดําเนินการปรับโครงสร้างเงินฝากอย่างเหมาะสมเพื่อคงกลยุทธ์การเติบโตอย่างมีคุณภาพและสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่งสําหรับการเติบโตในอนาคตจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีความท้าทาย

การเติบโตของรายได้หลักได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนเงินให้สินเช่ือชะลอตัวและสินเช่ือลดลง ขณะท่ีค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานปรับตัวดีขึ้นจากความมีวินัยด้านค่าใช้จ่ายและการเร่งรับรู้ประโยชน์ด้านต้นทุน ธนาคารยังคงความรอบคอบในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้วยการตั้งสํารองฯในระดับสูงสําหรับความไม่แน่นอนท่ีอาจเกิดขึ้น

การรวมกิจการเสร็จสมบูรณ์ จะช่วยให้ธนาคารเร่ิมการส่งมอบในการรับรู้ประโยชน์ด้านรายได้ด้วยการนําเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ให้แก่ลูกค้า

เน้นเติบโตพอร์ตสินเชื่อที่มีคุณภาพในช่วงการฟื้นตัวของเศรษฐกจิที่มีความไม่แน่นอน ส่งผลให้สินเช่ือรวม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 ลดลง 2.4% อยู่ที่จำนวน 1,359 พันล้านบาท

การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและการปรับโครงสร้างงบดุลอย่างเหมาะสม ช่วยลดผลกระทบจากแรงกดดันด้านรายได้ ด้วยการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รายได้ดอกเบี้อสทุธิในไตรมาส 3/2564 ลดลงเล็กน้อย 1.6% อยู่ที่จำนวน 12,577 ล้านบาท แม้อยู่ในภาวะดอกเบี้ยขาลงและสินเช่ือชะลอตัว

รายได้จากการดำเนินงานได้รับแรงกดดันจากการเศรษฐกิจที่ถดถอยอย่างรุนแรงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น และลดลงต่อเนื่อง 1.8% เป็นผลมาจากการเร่งรับรู้ประโยชน์ด้านต้นทุน

หลังจากหักสำรองฯ และภาษี ทีทีบี มีกำไรสุทธิ 2,359 ล้านบาทในไตรมาส 3/2564 ซึ่งลดลง 6.9% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 45.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ หรือ ROE ที่ 4.5%

อ่านข่าวเพิ่มเติม: