หุ้นสัปดาห์หน้า มีโอกาสขยับขึ้น จากประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ขณะที่ค่าเงินบาทแนวโน้มแข็งจากเงินไหลเข้า ตบาดพันธบัตรและหุ้น
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองดัชนีหุ้นสัปดาห์หน้า (18-22 ตุลาคม) มีแนวรับที่ 1,630 และ 1,615 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,655 และ 1,665 จุด ตามลำดับ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แกj ผลประกอบการไตรมาส 3/2564 ของบจ. โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร สถานการณ์โควิด ปัจจัยทางการเมือง และทิศทางเงินลงทุนจากต่างประเทศ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน และยอดขายบ้านมือสองเดือนกันยายน รวมถึงดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนตุลาคม
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 3/2564 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนกันยายน ของจีน รวมถึงดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนตุลาคมของยูโรโซนและญี่ปุ่น ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนกกันยายนของยูโรโซนและญี่ปุ่น
หุ้นไทยกลับมาปิดใกล้เคียงกับระดับปิดสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,638.34 จุด ลดลง 0.07% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 86,443.97 ล้านบาท ลดลง 5.88% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.10% มาปิดที่ 554.45 จุด
หุ้นไทยร่วงลงในวันทำการแรกของสัปดาห์ ตามแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ ก่อนจะดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา ขานรับปัจจัยบวกจากการประกาศแผนเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี หุ้นไทยลดช่วงบวกลงบางส่วนในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ระหว่างรอประเมินสถานการณ์โควิดในประเทศ หลังพบคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อหลายแห่ง ตลอดจนรอติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2564 ของบริษัทจดทะเบียน
ในสัปดาห์ถัดไป ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.80-33.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนของต่างชาติในตลาดการเงินไทย สถานการณ์โควิด และตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนกันยายน
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรม การเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนกันยายนดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยและผลสำรวจภาคการผลิตจากเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย เดือนตุลาคมและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ประกอบด้วย ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 3/2564 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนกันยายนของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ของธนาคารกลางจีน รวมถึงข้อมูล PMI (เบื้องต้น) เดือนตุลามคมของสหรัฐฯ ยูโรโซน และอังกฤษ และอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนและอังกฤษ
เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 33.16 บาทต่อดอลลาร์ฯ รับข่าวการเปิดประเทศที่ทางการไทยมีแผนจะดำเนินการต่อเนื่อง ประกอบกับมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากสัญญาณซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงตามการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี
อย่างไรก็ดี กรอบการแข็งค่าของเงินบาทชะลอลงช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากเงินดอลลาร์ฯ มีปัจจัยบวกประคองไว้จากตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลงมากกว่าที่คาด
ในวันศุกร์ (15 ตุลาคม) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.30 เทียบกับระดับ 33.86 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (8 ตุลาคม)
เรื่องที่เกี่ยวข้อง:
- หุ้นปิดลบ 2.63 จุด ต่างชาติลุยซื้ออีกวัน 3.4 พันล้าน
- ราคาทองคำเช้านี้ลง 100 บาท ต่างประเทศร่วงหนัก บาทอ่อนช่วยพยุง
- อัพเดทสถานการณ์โควิด วันที่ 16 ตุลาคม 2564