ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (7 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ทะยานสูงขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากที่นักลงทุนคลายความวิตก ถึงการเผชิญหน้ากันในสภาคองเกรส เรื่องเพดานหนี้ และตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 34,935.18 จุด พุ่งขึ้น 518.19 จุด หรือ 1.51% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,425.85 จุด ปรับขึ้น 62.30 จุด หรือ 1.43% และดัชนีแนสแด็กที่ 14,745.53 จุด ทะยานขึ้น 243.62 จุด หรือ 1.68%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจต่างก็ปรับตัวขึ้นในการซื้อขายวันนี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 326,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา จากระดับ 364,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 345,000 ราย โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานปรับตัวลงในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากดีดตัวขึ้นติดต่อกัน 3 สัปดาห์
ตลาดยังได้แรงหนุน จากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า พรรคเดโมแครต และรีพับลิกันจะสามารถประนีประนอมเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ
ทั้งนี้ แกนนำพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันจะทำการหารือกันในวันนี้เกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤตเพดานหนี้ของสหรัฐ หลังจากที่แกนนำพรรคเดโมแครตแสดงท่าทีเปิดกว้างพร้อมรับข้อเสนอของพรรครีพับลิกันในการขยายเพดานหนี้ชั่วคราวไปจนถึงเดือนธันวาคม
นายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน กล่าววานนี้ว่า พรรครีพับลิกันจะสนับสนุนการขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐออกไปจนถึงเดือนธันวาคม เพื่อช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้
นายแมคคอนเนลล์เสนอให้มีการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐจากระดับ 28.4 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน สู่อีกระดับหนึ่งที่มีการกำหนดวงเงินตายตัว อย่างไรก็ดี พรรคเดโมแครตต้องการให้มีการระงับการกำหนดวงเงินของเพดานหนี้โดยสิ้นเชิง
หากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ภายในวันที่ 18 ตุลาคมนี้ ก็จะส่งผลให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้พิจารณาในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 450,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 235,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เศรษฐกิจไทยในเดือนส.ค.วูบ จากผลกระทบจากโควิด-19 ทั้ง ‘ใน-ต่าง’ ประเทศ
- วิตก ‘เศรษฐกิจ-สังคม’ เมียนมาแย่หนัก หลัง ‘เงินจ๊าด’ อ่อนค่ากว่า 60% ในเดือนเดียว
- ‘เอดีบี’ หั่นคาดการณ์ ‘เศรษฐกิจเอเชีย’ ปี 64 เหลือ 7.1% เหตุวิตกผลกระทบโควิด
