Stock

‘ดาวโจนส์’ ดิ่งรอบใหม่เฉียด 400 จุด หลุดแนว 34,000 บอนด์ยีลด์กดดันตลาด

ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (4 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น  ทรุดลงอย่างหนัก นำโดยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ที่ดิ่งลงกว่า 2% จากการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 33,934.92 จุด ร่วงลง 391.54 จุด หรือ 1.14% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,291.96 จุด ดิ่งลง 65.08 จุด หรือ 1.49% และดัชนีแนสแด็กที่ 14,215.07 จุด ทรุดลงไปถึง 351.63 จุด หรือ 2.41%

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น สวนทางตลาด ขานรับผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ที่มีมติยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วัน แม้หลายประเทศกดดันให้โอเปกพลัส เพิ่มกำลังการผลิตมากกว่าจำนวนดังกล่าว เพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในขณะนี้

Stocksbitcoin ๒๑๐๕๐๔

ราคาหุ้นของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ และโมเดอร์นา อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ยังคงร่วงลงต่อเนื่องในวันนี้ หลังจากที่ดิ่งลงในวันศุกร์ (1 ต.ค.) จากการที่มีการเปิดเผยประสิทธิภาพของยาโมลนูพิราเวียร์ ในการรักษาโรคโควิด-19

ส่วนราคาหุ้นบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้นเกือบ 3% ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า บริษัทจะมีรายได้มหาศาลจากการจำหน่ายยาโมลนูพิราเวียร์ที่กำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลกในขณะนี้

ทั้งนี้ ยาโมลนูพิราเวียร์ เป็นยาเม็ดสำหรับรักษาโรคโควิด-19 ซึ่งเมอร์คระบุว่ามีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์เดลตา และสามารถลดความเสี่ยงของผู้ป่วยโควิด-19 ในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้ถึง 50%

แม้ว่าขณะนี้ยาโมลนูพิราเวียร์ยังไม่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) แต่หลายประเทศทั่วโลกก็ได้เริ่มเจรจา เพื่อสั่งซื้อยาโมลนูพิราเวียร์จากเมอร์คแล้ว ซึ่งรวมถึงไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และสหราชอาณาจักร

ทางด้านสหรัฐได้สั่งซื้อยาโมลนูพิราเวียร์จำนวน 1.7 ล้านชุด หรือ 68 ล้านเม็ด วงเงิน 1,200 ล้านดอลลาร์ เฉลี่ยราคาชุดละ 700 ดอลลาร์ หรือราว 23,000 บาท โดยมีราคาราวเม็ดละ 600 บาท

ทั้งนี้ ยา 1 ชุด ประกอบด้วยยาโมลนูพิราเวียร์ขนาด 200 มิลลิกรัม จำนวน 40 เม็ดสำหรับผู้ป่วย 1 คน โดยผู้ป่วยจะรับประทานยาวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 4 เม็ด เป็นเวลา 5 วัน

เมอร์คได้เริ่มผลิตยาโมลนูพิราเวียร์แล้ว โดยคาดว่าจะสามารถผลิตได้ 10 ล้านชุดภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายยาดังกล่าวสูงถึง 7,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2.4 แสนล้านบาท

ตลาดจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ (8 ต.ค.) ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้ในการพิจารณาการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 450,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 235,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo