Stock

‘ดาวโจนส์’ พุ่ง 2 วันติด ทะยานเกิน 500 จุด คลายวิตกนโยบาย ‘เฟด’

ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (23 ก.ย.) โดยที่ ดาวโจนส์ ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 34,786.91จุด พุ่งขึ้น 528.59 จุด หรือ 1.54% นำโดยหุ้นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ หลังนักลงทุนส่วนใหญ่ คลายความวิตกต่อนโยบายของเฟด

ขณะที่ ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,451.60 จุด ปรับขึ้น 55.96 จุด หรือ 1.27% และดัชนีแนสแด็กที่ 15,027.15 จุด เพิ่มขึ้น 130.30 จุด หรือ 0.87%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อวานนี้ (22 ก.ย.) หลังจากที่ประชุมเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบาย ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้กำหนดเวลาที่ชัดเจน ในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยส่งสัญญาณเพียงว่าจะปรับลด QE ในไม่ช้านี้ บ่งชี้ว่า เฟดยังไม่เร่งถอนมาตรการกระตุ้นทางการเงิน ที่นำมาใช้เพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ดาวโจนส์

นอกจากนี้ กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นในปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าถึง 1 ปี เมื่อเทียบกับคาดการณ์เดิมในเดือนมิถุนายน ซึ่งกรรมการเฟดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาความชัดเจน ในการชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน โดยหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานวันนี้ว่า ทางการจีนได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของจีน เตรียมรับมือการล้มละลายของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ที่อาจเกิดขึ้น

คำเตือนดังกล่าว เป็นการส่งสัญญาณว่า รัฐบาลจีนไม่มีความประสงค์ที่จะเข้ากอบกู้กิจการของเอเวอร์แกรนด์ แต่จะเตรียมพร้อมรับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ต่อภาคเศรษฐกิจ และสังคมของจีน หากเอเวอร์แกรนด์ต้องประสบกับภาวะล้มละลายในที่สุด

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทางการจีนได้แจ้งให้เอเวอร์แกรนด์ชำระหนี้หุ้นกู้สำหรับนักลงทุนรายย่อย รวมทั้งหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ สำหรับหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo