ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (31ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ค่อนข้างซบเซา โดยที่ “เอสแอนด์พี 500” และ “แนสแด็ก” ปรับลดลงมา ตามหาลงของหุ้นตัวใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 35,433.13 จุด ขยับขึ้น 33.29 จุด หรือ 0.09% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,528.67 จุด ลดลง 0.12 จุด และดัชนีแนสแด็กที่ 15,250.07 จุด ลบ 15.82 จุด หรือ 0.10%
เมื่อวานนี้ (30 ส.ค.) ดาวโจนส์ปิดลบ 0.16% โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มพลังงาน แต่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และแนสแด็ก ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 5 ขานรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ยืนยันว่า เฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้จะมีการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก่อนสิ้นปีนี้ก็ตาม
หากพิจารณาตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม ดัชนีดาวโจนส์บวก 1.3%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 พุ่งขึ้น 3% และดัชนีแนสแด็ก ทะยานขึ้น 4%
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หลังจากการประชุมประจำปีของเฟดได้ผ่านพ้นไปแล้ว ขณะนี้นักลงทุนกำลังหันมาจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ ที่จะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ (3 ก.ย.)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐ จะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 750,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม ขณะที่อัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 5.2%
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 943,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 845,000 ตำแหน่ง จากระดับ 938,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 5.4% ในเดือนกรกฎาคม ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.7% หลังจากแตะระดับ 5.9% ในเดือนมิถุนายน
วันนี้ ราคาหุ้นของ ซูม วิดีโอ คอมมูนิเคชันส์ อิงค์ ผู้ให้บริการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ดิ่งลงกว่า 16% จากความกังวลในเรื่องความต้องการของลูกค้า ในการใช้บริการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ของทางบริษัท หลังจากที่รัฐบาลหลายประเทศ เริ่มเปิดเศรษฐกิจ และผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
ซูม คาดการณ์ว่า บริษัทจะมีรายได้ 1,015-1,020 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นเพียง 31% เมื่อเทียบกับที่มีการขยายตัวพุ่งขึ้นหลายเท่าเมื่อปี 2563 โดยโบรกเกอร์อย่างน้อย 4 รายได้ปรับลดตัวเลขเป้าหมายราคาของซูมลงมา
ราคาหุ้นซูมพุ่งขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนต้องทำงานจากที่บ้าน ทำให้บริษัทมีมูลค่าตลาดสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 175,000 ล้านดอลลาร์ ในเดือนตุลาคม 2563
อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่นั้นมา ราคาหุ้นปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง และหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น มูลค่าตลาดของซูม ก็จะดิ่งลงเหลือเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคม 2563
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ เอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์เปิดเผยผลสำรวจ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 18.6% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2530 จากระดับ 16.8% ในเดือนพฤษภาคม
ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ พุ่งขึ้น 19.1% ในเดือนมิถุนายน หลังจากเพิ่มขึ้น 17.1% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งราคาบ้านเพิ่มขึ้นสูงสุดในเมืองฟีนิกซ์ ซานดิเอโก และซีแอตเติล แรงหนุนจากความต้องการที่แข็งแกร่งของผู้ซื้อบ้าน และสต็อกบ้านที่ตึงตัว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เปิดกลยุทธ์ลงทุนทองคำ YLG แนะแบ่งขายทำกำไร แล้วรอซื้อเมื่ออ่อนตัว
- ‘เฟด’ คงดอกเบี้ยตามคาด ยันเดินหน้าทำ QE ยังกังวลเรื่อง ‘โควิด’
- เอกสารหลุด! เผย ‘พาวเวล’ เตรียมส่งสัญญาณ ไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย
