Stock

หุ้นลุ้นขึ้นต่อสัปดาห์หน้า เงินไหลเข้าดันบาทแข็งรอบ6 สัปดาห์

หุ้นสัปดาห์หน้า ลุ้นขยับขึ้นต่อจากเงินไหลเข้า ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่ารอบเดือนครึ่ง จากเงินไหลเข้า หลังเฟดไม่เปลี่ยนท่าทีนโยบายการเงิน ลดคิวอีในปีนี้

ในสัปดาห์ถัดไป (30 ส.ค. – 3 ก.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า SET Index มีแนวรับที่ 1,595 และ 1,585 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,615 และ 1,635 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิดทั้งในและต่างประเทศ การคลายล็อกกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงประเด็นการเมืองภายในประเทศ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานเดือนส.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนส.ค. ของจีน ญี่ปุ่นและยูโรโซน ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนส.ค. (เบื้องต้น) และดัชนีราคาผลิตเดือนก.ค. ของยูโรโซน ตลอดจนยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ของญี่ปุ่น

SET Index กลับมายืนเหนือ 1,600 จุดอีกครั้ง โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,611.20 จุด เพิ่มขึ้น 3.74% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 96,981.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.40% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 3.61% มาปิดที่ 521.63 จุด  

SET Index  ปรับตัวขึ้นตลอดสัปดาห์ตามแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศ ขานรับความหวังเกี่ยวกับการคลายล็อกกิจกรรมทางเศรษฐกิจ หลังจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศมีแนวโน้มทรงตัว

ทั้งนี้ SET Index  เพิ่มช่วงบวกอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายสัปดาห์ หลังศบค.ชุดใหญ่มีมติผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์บางส่วน อนึ่ง หุ้นกลุ่มธนาคารและนอนแบงก์ปรับตัวขึ้นมากสุดในสัปดาห์นี้ เนื่องจากมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการที่ธปท. ขยายมาตรการเพื่อส่งเสริมให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (30 ส.ค.-3 ก.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.50-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิดในประเทศ และรายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนก.ค.ของธปท.

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร การจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนส.ค.  ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนส.ค. ของจีน และยูโรโซน รวมถึงท่าทีของสหรัฐฯ และชาติตะวันตกต่อเหตุการณ์ในอัฟกานิสถาน 

เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 6 สัปดาห์ที่ 32.61 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นจากแรงซื้อตามปัจจัยทางเทคนิค และการปรับโพสิชันของตลาดในระหว่างที่รอสุนทรพจน์ของประธานเฟดจากที่ประชุมเฟดประจำปีที่แจ๊กสัน โฮล เพื่อประเมินสัญญาณเกี่ยวกับการชะลอมาตรการ QE

นอกจากนี้เงินบาทยังได้รับอานิสงส์บางส่วนจากกระแสเงินทุนไหลเข้าที่สะท้อนจากสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรและหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติในระหว่างสัปดาห์ท่ามกลางการคาดหวังว่า สถานการณ์การระบาดของโควิดอาจมีแนวโน้มคลี่คลายลงบ้างเมื่อเทียบกับจุดที่น่ากังวลในช่วงก่อนหน้านี้

ในวันศุกร์ (27 ส.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.63 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (20 ส.ค.)

อ่านข่าวเพิ่มเติม:

Avatar photo