ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (20 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพุ่งกว่า 200 จุด ทะลุแนว 35,000 จุด แรงหนุนของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ก่อนการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 35,157.74 จุด ทะยานขึ้น 263.62 จุด หรือ 0.76% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,440.42 จุด ปรับขึ้น 34.62 จุด หรือ 0.79% และดัชนีแนสแด็ก ที่ 14,690.60 จุด พุ่งขึ้น 148.81 จุด หรือ 1.02%
ถึงแม้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ แต่เมื่อพิจารณาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ดาวโจนส์ดิ่งลง 1.1% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลบ 0.8% และดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 1.2%
ทั้งนี้ นักลงทุนกังวลว่า เฟดจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วกว่าที่คาดไว้ หลังจากที่รายงานการประชุมประจำเดือนก.ค.ของเฟดระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องที่จะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ในปีนี้
ปัจจุบัน เฟดซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE อย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 สิงหาคมนี้ โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมดังกล่าว
ที่ผ่านมา การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ถือเป็นการประชุมที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่างๆทั่วโลก เดินทางเข้าร่วมการประชุม ขณะที่ไฮไลท์จะอยู่ที่การกล่าวปาฐกถาของประธานเฟดในขณะนั้นเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
สำหรับหัวข้อในการประชุมประจำปีนี้คือ “Monetary Policy Framework Review” โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะกล่าวสุนทรพจน์ในประเด็น “แนวโน้มเศรษฐกิจ”
ทางด้านนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวว่า เขากำลังจับตาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่จะมีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ และเขาอาจปรับเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับนโยบายของเขา หากเศรษฐกิจมีการชะลอตัวลงอย่างมาก
“ขณะนี้ เดลตายังไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกิจกรรมของผู้บริโภค เช่น การออกไปรับประทานอาหาร แต่กำลังส่งผลกระทบทำให้การกลับเข้าทำงานในสำนักงานต้องล่าช้าออกไป และกระทบความสามารถในการจ้างพนักงานเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อ รวมทั้งอาจกระทบต่อภาคการผลิต” นายแคปแลนกล่าว
ก่อนหน้านี้ นายแคปแลนกล่าวว่า เฟดควรทำการประกาศในเดือนหน้าเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงิน QE และเริ่มทำการปรับลด QE ในเดือนตุลาคม
“ผมมีมุมมองว่า หากเศรษฐกิจปรับตัวตามที่ผมคาดการณ์ไว้ ผมก็จะสนับสนุนการประกาศแผนปรับลด QE ในการประชุมของเฟดในเดือนกันยายน และเริ่มลด QE ในเดือนตุลาคม ” นายแคปแลนกล่าว
นอกจากนี้ นายแคปแลนระบุว่า เขาต้องการให้การปรับลด QE ดำเนินไปโดยใช้เวลาราว 8 เดือน ซึ่งหากเฟดยิ่งเริ่มปรับลด QE ได้เร็วเท่าใด ก็จะยิ่งช่วยให้เฟดมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการใช้ความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- 5 หน่วยงานกำกับการเงิน จับมือตั้งคณะทำงานพัฒนาภาคการเงินเพื่อความยั่งยืน
- หุ้นสหรัฐร่วง 382.59 จุด ผวาเฟดลดวงเงินคิวอีในปีนี้ ‘ทอง-น้ำมัน’ลง
- ปตท. ปรับวิสัยทัศน์ใหม่รอบ 15 ปี ‘Powering Life’ รุก ‘พลังงานสะอาด-ธุรกิจใหม่’