ไออาร์พีซี ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ “สร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงาน เพื่อชีวิตที่ลงตัว” ก้าวสู่ยุคใหม่ มากกว่าการเป็นผู้นำในธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นน้ำมัน รุกใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนองค์กร หวังตอบโจทย์การใช้ชีวิตและสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ
นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC กล่าวว่าเพื่อรับกระแสการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก (Megatrends) ที่ส่งผลกระทบและสร้างการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และธุรกิจ IRPC จึงได้กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนองค์กร ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับทุกชีวิตและสิ่งแวดล้อม
วิสัยทัศน์ใหม่ของ IRPC ที่จะเริ่มใช้ในปี 2564 คือ การเป็นองค์กรที่ “สร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงาน เพื่อชีวิต ที่ลงตัว (To Shape Material and Energy Solutions in Harmony with Life) ได้ถูกกำหนดขึ้นโดยคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจต่างๆ ของโลก ซึ่งไม่เพียงแต่จะสร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบการธุรกิจเท่านั้น หากแต่ยังเป็นโอกาสสำคัญของ IRPC ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพและความแข็งแกร่งให้กับองค์กรด้วย
นายชวลิต กล่าวว่าในปีนี้ IRPC จะเข้าเข้าสู่ยุคใหม่ โดยธุรกิจมุ่งเข้าสู่โลกแห่งนวัตกรรม โดยเรามองเห็นเทศทางการเปลี่ยนแปลงใหญ่ หรือ Megatrend ใน 4 ด้าน
ด้านแรก การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลียี ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกด้าน จะมีการสร้างเมืองบริวารใหม่เกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเมืองใหญ่ ซึ่งจะทำให้เกิดการใช้วัสดุต่าง ๆ มากมาย มีการใช้พบาสติก โพลิเมอร์ และโลหะ เพื่อการก่อสร้าง นับว่าเป็นโอกาสของเรา
ด้านที่สอง โลกกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย ประเด็นคือจะเกิดสังคมผู้สูงวัยในประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งผู้สูงวัยเหล่านี้มีศักยภาพสูง ดังนั้นจึงต้องคิดว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจอย่างไร ต้องดูว่าเขาต้องใช้อะไร
ด้านที่สาม ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจใหม่เกิดขึ้น อย่างจีน และมีประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ขึ้นตามา เช่น เวียดนาม ประเทศเหล่านี้จะมีความต้องการเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเกิดขั้วอำนาจใหม่ขึ้น แบบแผนทางการค้าจะเปลี่ยนจากประเทศใหม่เหล่านี้ ซึ่งจะตามมาด้วยข้อตกลงการค้า ดังนั้นซัพพลายเชนจะไม่อยู่ที่เดียว จะเปลี่ยนไปหมด ซึ่งเราต้องเข้าใจสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อหาโอกาศทางธุรกิจ
ด้านที่สี่ สงครามการค้า จีน-สหรัฐ ยังคงต่อเนื่องและจะมีการกีดกันการค้า การไหลของเงินลงทุนจะเกิดขึ้น เราต้องวิเคราะห์ให้ดี เพราะมีผลต่อการลงทุน เป็นทั้งโอากสและภัยคุกคาม
ด้านที่ห้า เรื่องแรงกดดันเรื่องสิ่งแวดล้อม จะเป็นตัวเร่งให้เร็วขึ้นคือในเรื่องโลกร้อน เราเชื่อว่าแรงกดดันด้านนี้จะมา ส่วนจะเร็วหรือช้าเป็นอีกเรื่อง นับว่าเป็นตัวสร้างโอกาสและภัยคุกคาม โอกาสทางธุรกิจ เช่น IRPC มีองค์ความรู้ ขณะเดียวกับในธุรกิจการกลั่น จะมีสัดส่วนที่ลดน้อยลง พลังงานทางเลือกจะโตขึ้น
ขยายธุรกิจไปไกลกว่า “ปิโตรเคมี-น้ำมัน”
จากวิสัยทัศน์ใหม่ ธุรกิจเดิมของไออาร์พีซี คือ ปิโตรเคมีกับโรงกลั่น แต่เราต้องการขยับขอบเขตของเราให้ไปนอกเหนือปิโตรเคมี ซึ่งได้ขยายเรื่องวัสดุ(material) ไม่ใช่เรื่องปิโตรเคมีอีกต่อไป ทำให้เรามองพ้นไปจากเรื่องการผลิต(production) ไปที่เรื่อง solution
กรอบธุรกิจของ IRPC ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริษัทมาแล้ว โดย IRPC ยังดำเนินธุรกิจเดิมในด้านวัสดุและพลังงาน แต่จะขยายขอบเขตมากยิ่งขึ้น
“เราแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ จะเรียกง่าย ๆ ว่า กลุ่มแรก เป็นการต่อยอดจากธุรกิจเดิม กลุ่มที่สอง ต่อยาว คือ สร้างมูลค่าเพิ่ม และกลุ่มที่สาม ต่อใหม่ เราจะเดิน 3 เรื่องนี้ไปด้วยกัน ซึ่งการบูรณาการจะสูง”
สำหรับกลุ่มที่ 3 “ต่อใหม่” หรือ ตัว Step Out ทาง IRPC เรามองออกไปข้างนอก ไม่อยู่ในธุรกิจเดิม โดยจะเติบโตผ่านความร่วมมือ ทั้งในกลุ่มปตท.และทำผ่านการเข้าซื้อกิจการ เป็นแนวทางหนึ่งที่ต้องทำ
“แต่หากเป็นการทำอะไรใหม่ เราอาจจะลงขนาดเล็ก ๆ ผ่านกองทุนขนาดใหญ่ เราก็จะไปลงทุงในกองทุนสตาร์ทอัพ เราก็จะเริ่มต้นให้เร็ว แต่มีขนาดเล็ก ๆ มันจะไม่มาในวันแรก แต่ต้องเริ่มต้น”
มั่นใจองค์ความรู้องค์กรผลักดันบรรลุเป้าหมาย
นายชวลิต กล่าวว่า IRPC จะให้ความสำคัญต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการใช้วัสดุหมุนเวียนและการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถรองรับความต้องการใช้งานทางการแพทย์ และสุขภาพที่สร้างประโยชน์เพื่อคนไทยโดยคนไทยเป็นรายแรกของประเทศ อาทิ การสร้างสรรค์นวัตกรรมเม็ดพลาสติก พีพี เกรด เมลต์โบลน (PP Melt blown: Polypropylene Melt blown) วัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตหน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 และชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE)
สำหรับการสร้างสรรค์ด้านการใช้พลังงานนั้น IRPC จะขยายผลธุรกิจในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแห่งอนาคต ทั้งพลังงานทางเลือก และพลังงานหมุนเวียน เช่น วัสดุเคลือบแผงโซลาร์เซลล์ลดความร้อน และอุปกรณ์เก็บพลังงานสำรองให้รถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น ตลอดจนการปรับปรุงกระบวนการผลิตโรงกลั่นน้ำมันให้ได้เป็นผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีมากขึ้น
“เพื่อให้ประสบความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ใหม่ การดำเนินธุรกิจและสิ่งที่ IRPC จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับชีวิตและสิ่งแวดล้อม เราไม่เพียงแต่ขยายฐานจากการดำเนินธุรกิจด้านการผลิตปิโตรเคมีและการกลั่นที่เราเชี่ยวชาญมายาวนานกว่า 40 ปี และมีความมั่นคงเท่านั้น แต่เราต้องต่อยอดองค์ความรู้ที่มีและเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตร เพื่อสร้างนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์และรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ เสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ และสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืนจากความสมดุลของทั้งชีวิตผู้คน และสิ่งแวดล้อม”
สำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจหลังจากนี้ IRPC จะใช้องค์ความรู้ขององค์กร ที่ประกอบด้วยนวัตกรรม ความเชี่ยวชาญของบุคลากร รวมถึงความพร้อมในการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มความแม่นยำ ว่องไว ทันต่อสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจ โดยมุ่งเน้นการส่งมอบสิ่งดีๆ ให้กับชีวิตและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
คาดครึ่งปีหลังได้รับผลกระทบโควิด แต่เฉลี่ยทั้งปียังดี
สำหรับผลดำเนินการในครึ่งปีแรก ถือเป็นครั้งแรกที่เริ่มต้นได้ดี โดย IRPC มีรายได้มากกว่าแสนล้านบาท และกำไรเกินกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยได้อานิสงส์จากแนวโน้มราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น และการบริหารภายในจากการเพิ่มกำลังผลิต
สำหรับแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปีนี้ โลกเผชิญกับการระบาดครั้งใหม่ของโควิด-19 ทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจไม่เอื้อ แต่ก็คาดว่าในไตรมาสามจะไม่เติบโตเหมือนครึ่งปีแรก
“เราคาดว่าจะลดลงจากสองไตรมาสแรก แต่ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี”
อ่านข่าวเพิ่มเติม:
- ‘IRPC’ โชว์ไตรมาส 2/64 กำไรพุ่งต่อเนื่อง 4,574 ล้านบาท
- ‘IRPC’ ร่วมพันธมิตรเปิด 3 ศูนย์พักคอยที่ระยอง – มอบเตียงสนามพลาสติก รองรับผู้ป่วยโควิด-19
- ฝ่าวิกฤติโควิดไปด้วยกัน! ‘IRPC’ ส่งมอบน้ำมันให้ ‘วัดพื้นที่สีแดงเข้ม’ แล้ว 2.4 หมื่นลิตร