ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (13 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวสูงขึ้น นำโดย หุ้นดิสนีย์ และหุ้นเทคโนโลยี ที่พุ่งสูงขึ้น ประกอบกับสัญญาณเงินเฟ้อที่ไม่ร้อนแรง และการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ในรายได้ของภาคธุรกิจ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 35,531.86 จุด ปรับขึ้น 32.01 จุด หรือ 0.09% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,463.35 จุด ขยับขึ้น 2.52 จุด หรือ 0.06% และดัชนีแนสแด็กที่ 14,810.81 จุด ลดลง 5.45 จุด หรือ 0.04%
ดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้ม จะปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และแนวโน้มการชะลอตัวของภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ
วันนี้ หุ้นดิสนีย์ พุ่งขึ้นกว่า 3% ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาด
ผลการสำรวจของนักวิเคราะห์คาดว่า บริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี 500 มีแนวโน้มที่จะรายงานตัวเลขกำไรพุ่งขึ้น 92.9% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 และบรรดาบริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 แล้ว พบว่า 88% มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 สิงหาคมนี้ ซึ่งคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมดังกล่าว
การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลในปีนี้ จะเป็นการประชุมแบบพบหน้ากัน หลังจากที่เมื่อปีที่แล้ว เฟดต้องจัดการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ครั้งแรกในรอบเกือบ 40 ปี เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ที่ผ่านมา การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ถือเป็นการประชุมที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่างๆทั่วโลก เดินทางเข้าร่วมการประชุม ขณะที่ไฮไลท์จะอยู่ที่การกล่าวปาฐกถาของประธานเฟดในขณะนั้นเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ไทม์ไลน์ของเฟดว่า เฟดจะเริ่มปรับลด QE ในเดือนมกราคม 2565 โดยจะปรับลดวงเงิน QE เดือนละ 20,000 ล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันที่เฟดทำ QE วงเงิน 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน ซึ่งจะทำให้เฟดใช้เวลา 6 เดือนในการปรับลด QE จนเหลือ 0 หมายความว่าเฟดจะยุติการทำ QE โดยสิ้นเชิงในช่วงกลางปี 2565 และเฟดจะพักการดำเนินการเป็นเวลา 1 ปีเพื่อให้ตลาดปรับตัว ก่อนที่จะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2566
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- วิกฤติยังไม่จบ ตลาดหุ้นแกว่งตัว ลงทุนยังไงดี?
- บิตคอยน์วิ่งแตะ 45,000 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์ชี้ขาขึ้นคริปโทฯรอบใหม่
- PTTGC กำไรไตรมาสสองพุ่ง 2.5 หมื่นล้าน จากยอดขายเพิ่ม-ขายหุ้น GPSC