Stock

‘ดาวโจนส์’ ร่วง กังวล ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ย หลัง ‘เงินเฟ้อ’ พุ่งเกินคาด

ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (13 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ปรับตัวลดลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 34,941.57 จุด ลดลง 54.61 จุด หรือ 0.16% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,388.37 จุด ขยับขึ้นมา 3.74 จุด หรือ 0.09% และดัชนีแนสแด็กที่ 14,792.82 จุด บวก 59.58 จุด หรือ 0.40%

นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมกราคม 2566 หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาดในวันนี้

Stocksbitcoin ๒๑๐๖๒๘

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งวิเคราะห์การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้ม 100% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมกราคม 2566 ขณะที่มีแนวโน้ม 90% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม 2565

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ จากการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยระบุว่า ดัชนี CPI ดีดตัวขึ้น 0.9% ในเดือนมิถุนายน เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2551 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 5.4% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2551 เป็นต้นมา และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 5.0% หลังจากเพิ่มขึ้น 5.0% ในเดือนก่อนหน้านั้น

หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนที่แล้ว เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพฤษภาคม

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 4.5% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2534 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.8% หลังจากเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนพฤษภาคม

นักลงทุน ยังจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยเจพีมอร์แกน, โกลด์แมน แซคส์ และเป๊ปซี่โค ต่างเปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาดในวันนี้ ขณะที่แบงก์ ออฟ อเมริกา, ซิตี้กรุ๊ป, เวลส์ ฟาร์โก, เดลต้า แอร์ไลน์ และแบล็คร็อค จะเปิดเผยผลประกอบการในวันพรุ่งนี้ (14 ก.ค.) ส่วนมอร์แกน สแตนลีย์ และยูไนเต็ดเฮลธ์ จะเปิดเผยผลประกอบการในวันพฤหัสบดี (15 ก.ค.)

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี 500 จะมีกำไรในไตรมาส 2 พุ่งขึ้น 65% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2552

บริษัทจำนวน 66 แห่งในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ได้ออกรายงานคาดการณ์ผลประกอบการที่เป็นบวกในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่บริษัท FactSet ได้เริ่มรวบรวมข้อมูลดังกล่าว

นอกจากนี้ คาดว่าหุ้นทั้ง 11 กลุ่มในตลาดจะมีผลประกอบการเพิ่มขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน อุตสาหกรรม และการเงิน ขานรับการเปิดเศรษฐกิจใหม่ หลังจากที่มีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ นายพาวเวลมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรส โดยเขาจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 14 กรกฎาคม เวลา 12.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 23.00 น.ตามเวลาไทย และต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 15 กรกฎาคม เวลา 09.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 20.30 น. ตามเวลาไทย

ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ประธานเฟดมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์ต่อสภาคองเกรสปีละ 2 ครั้ง โดยครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ และอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม

นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวล เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ, อัตราเงินเฟ้อ, ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ รวมทั้งผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

การแถลงของนายพาวเวลในสัปดาห์นี้ถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากเขาอาจส่งสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาดในวันนี้

ขณะที่รายงานการประชุมของเฟดประจำเดือนมิถุนายน ระบุว่า กรรมการเฟดได้เริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดวงเงิน QE พร้อมกับส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าเดิมถึง 1 ปี และเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปีดังกล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo