Stock

คาดสัปดาห์หน้า ‘หุ้นร่วง-บาทอ่อน’ โควิด-การเมือง กดดัน

SET สัปดาห์หน้ามีแนวโน้มร่วง ลุ้นแนวรับ 1,530 จุด โควิดในประเทศ-การเมืองยังกดดัน รอลุ้นผลประกอบการช่วยหนุน ขณะที่ค่าเงินบาท แนวโน้มแตะ 33 บาท/ดอลลาร์

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่าในสัปดาห์ถัดไป (12-16 ก.ค.) ดัชนีมีแนวรับที่ 1,530 และ 1,520 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,560 และ 1,570 จุด ตามลำดับ

หุ้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด 19 ตลอดจนความคืบหน้าในการกระจายวัคซีนโควิด 19 ในประเทศและต่างประเทศ ประเด็นการเมืองภายในประเทศ ตลอดจนการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2564 ของบริษัทจดทะเบียน

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตและผู้บริโภค ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOJ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมิ.ย.ของยูโรโซน ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2564 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนมิ.ย. ของจีน

ดัชนีร่วงลงแรงจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,552.09 จุด ลดลง 1.67% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 81,282.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.22% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 3.27% มาปิดที่ 488.97 จุด

แต่ดัชนีปรับตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ รับแรงหนุนจากมติครม. ที่มีการสั่งซื้อวัคซีนต้านโควิดเพิ่มเติม ก่อนจะร่วงลงแรงในเวลาต่อมาตามแรงขายในหุ้นหลายกลุ่ม นำโดยกลุ่มธนาคารและพลังงาน หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในประเทศมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ทำให้นักลงทุนมีความกังวลต่อการประกาศใช้มาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มข้นมากขึ้น

ประกอบกับมีปัจจัยลบจากรายงานข่าวเกี่ยวกับแนวคิดการเก็บภาษีซื้อขายหุ้นจากนักลงทุน อย่างไรก็ดี SET ฟื้นตัวกลับมาได้เล็กน้อยช่วงปลายสัปดาห์

ค่าเงินบาท ในสัปดาห์ถัดไป (12-16 ก.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.40-33.00 บาทต่อดอลลาร์

ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์และมาตรการสกัดโควิด 19 ในประเทศ และถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสของประธานเฟด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ผลสำรวจแนวโน้มภาคธุรกิจของเฟดฟิลาเดลเฟีย ผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตของนิวยอร์กเดือนก.ค. ยอดค้าปลีก ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคานำเข้าและส่งออก การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมิ.ย. ของจีน อาทิ ข้อมูลการส่งออก ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม และจีดีพีไตรมาส 2/2564 ด้วยเช่นกัน

เงินบาทเผชิญแรงขายอย่างหนัก โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 15 เดือนที่ 32.73 บาทต่อดอลลาร์ท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์โควิดในประเทศที่จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งนอกจากจะทำให้ทางการไทยต้องยกระดับมาตรการควบคุมสถานการณ์และจำกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสแล้วความเสี่ยงจากโควิดที่ยืดเยื้อยังมีผลกระทบต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะที่เหลือของปีด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดีภาพการอ่อนค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับทิศทางสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งต่างก็เผชิญกับวิกฤตโควิดกลายพันธุ์เช่นเดียวกัน

ในวันศุกร์ (9 ก.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.55 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับ 32.21 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (2 ก.ค.)

อ่านข่าวเพิ่มเติม:

Avatar photo