ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (28 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” เจอกับแรงเทขายทำกำไร ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง เกือบ 200 จุด ขณะที่ เอสแอนด์พี 500 และแนสแด็ก ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 34,252.81 จุด ร่วงลง 181.03 จุด หรือ 0.53% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,280.79 จุด ขยับขึ้นมา 0.09 จุด หรือ 0.00% และดัชนีแนสแด็กที่ 14,461.74 จุด ทะยานขึ้น 101.36 จุด หรือ 0.71%
ดัชนีเอสแอนด์พี 500 พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์ (25 มิ.ย.) และทำสถิติปรับขึ้นมากที่สุดรายสัปดาห์ นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากการที่ ทำเนียบขาว และสภาคองเกรส สามารถบรรลุข้อตกลงในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานของสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า ธนาคารขนาดใหญ่ทั้ง 23 แห่งของสหรัฐสามารถผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติ (Stress Test) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งผลให้ธนาคารเหล่านี้ สามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในระดับปกติ และกลับมาซื้อคืนหุ้นได้อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนนี้
ขณะเดียวกัน ตลาดไม่ได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐเปิดเผยดัชนีเงินเฟ้อสำคัญพุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อในระยะนี้เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว ขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ พุ่งขึ้น 3.4% ในเดือนพฤษภาคม เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2535 หรือสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี
นักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นดังกล่าว ถูกบิดเบือนจากการเปรียบเทียบกับตัวเลขฐานที่ต่ำผิดปกติในปีที่แล้ว ซึ่งขณะนั้นราคาสินค้าได้ทรุดตัวลง โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และจากการปิดเศรษฐกิจ หลังประกาศมาตรการล็อกดาวน์
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวก่อนหน้านี้ว่า การปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อในระยะนี้เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว และจะผ่อนคลายลงในปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ โดยไม่มีปัญหาการขาดแคลนแรงงานและวัตถุดิบในการผลิต
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จากกระทรวงแรงงาน
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ (2 ก.ค.) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐ จะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 683,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 559,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 671,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.8% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 5.9% หลังจากแตะระดับ 6.1% ในเดือนเมษายน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘พาวเวล’ ระบุ ‘โควิด’ ชี้ชะตาเศรษฐกิจสหรัฐ ย้ำ ‘นโยบายคลัง’ เครื่องมือช่วยฟื้นตัว
- เฟดชี้ ‘การจ้างงาน’ ในสหรัฐยังไม่ฟื้น รอจนกว่าถึงปี 2023
- ‘พาวเวล’ ให้คำมั่น ‘ทำทุกอย่าง’ หนุนเศรษฐกิจสหรัฐ ‘เฟด’ ตรึงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม