Stock

‘เฟด’ จ่อขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น ฉุด’ดาวโจนส์’ ดิ่งเกิน 200 จุด หลุดเส้น 34,000 จุด

ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (17 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น ท่ามกลางการร่วงลง ของดัชนีหลัก  หลังจากที่ “เฟด” ส่งสัญญาณว่า จะเร่งการปรับอัตราดอกเบี้ยให้เร็วขึ้น 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 33,804.99 จุด ร่วงลง 228.68 จุด หรือ 0.67% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,205.09 จุด ลดลง 18.61 จุด หรือ 0.44% และดัชนีแนสแด็กที่ 14,099.61 จุด บวก 59.93 จุด หรือ 0.43%

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เปิดเผยว่า กรรมการเฟดได้เริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

Stocksbitcoin ๒๑๐๕๐๔

ทั้งนี้ เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าคาดการณ์เดิมถึง 1 ปี และเฟดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 2566

นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้สู่ระดับ 3.4% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมีนาคม ที่ระดับ 2.4%

ราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หุ้นบริษัทดาว อิงค์ และแคทเธอร์ พิลลาร์ ดิ่งลงนำตลาด ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงเป็นวันที่ 2

หุ้นกลุ่ม Materials ปรับตัวลงเช่นกัน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น จะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งยังถูกกดดันจากการที่จีน เตรียมระบายสต็อกโลหะ ซึ่งรวมถึงทองแดง อะลูมิเนียม และสังกะสี จากคลังสำรองแห่งชาติ เพื่อสกัดราคาที่พุ่งขึ้นในประเทศ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี และข่าวนี้ส่งผลให้ราคาสัญญาทองแดงดิ่งลง 2%

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น ขานรับความหวังที่ว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะช่วยหนุนตัวเลขกำไรในภาคธนาคาร

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 412,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 360,000 ราย และสูงกว่าสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 375,000 ราย

ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ร่วงลงเป็นเดือนที่ 2 โดยปรับตัวลงสู่ระดับ 30.7 ในเดือนมิถุนายน จากระดับ 31.5 ในเดือนพฤษภาคม

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีภาวะธุรกิจจะอยู่ที่ระดับ 31.0 ในเดือนมิถุนายน อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกยังคงมีการขยายตัว โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของการจ้างงาน

ที่ผ่านมา ดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกมักปรับตัวในแดนบวกนับตั้งแต่ปี 2559 ก่อนที่จะทรุดตัวสู่แดนลบ ในเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo