ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (27 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวสูงขึ้น แรงหนุนจากขาขึ้นของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม และการเงิน หลังข้อมูลแสดงให้เห็นว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ น้อยกว่าที่คาดกันไว้ ทำให้มีความหวังมากขึ้น ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 34,470.16 จุด ทะยานขึ้น 147.11 จุด หรือ 0.43% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,209.18 จุด ปรับขึ้น 13.19 จุด หรือ 0.31% และดัชนีแนสแด็กที่ 13,768.63 จุด บวก 30.64 จุด หรือ 0.22%
นอกจากนี้ ดาวโจนส์ยังได้รับแรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเปิดเผยงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วงเงิน 6 ล้านล้านดอลลาร์ในวันพรุ่งนี้ (28 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น
อย่างไรก็ดี คาดว่า ปริมาณการซื้อขายจะเบาบางในวันนี้ ก่อนวันหยุดยาวช่วงสุดสัปดาห์ โดยตลาดหุ้นวอลล์สตรีท จะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคมนี้ เนื่องในวันทหารผ่านศึก
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเปิดเผยงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วงเงิน 6 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นการเปิดเผยงบประมาณประจำปีเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม โดยจะประกอบด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลจะเข้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งช่วยเหลือภาคครัวเรือนสหรัฐ เพื่อเยียวยาผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นิวยอร์ก ไทมส์ ระบุด้วยว่า เปิดเผยว่า รัฐบาลประธานาธิบดีไบเดน มีแผนเพิ่มวงเงินในงบประมาณขึ้นไปถึง 8.2 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2574
นอกจากนี้ รัฐบาลจะประกาศเพิ่มอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล และบุคคลธรรมดา เพื่อหารายได้มาชดเชยรายจ่ายของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น ขณะที่คาดว่า รัฐบาลจะขาดดุลงบประมาณลดลงนับตั้งแต่ปี 2573
วันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 38,000 ราย มาอยู่ที่ 406,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ เมื่อเดือนมีนาคม 2563 ทั้งยังเป็นตัวเลขที่น้อยกว่า ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ที่ 425,000 ราย และต่ำกว่าสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งอยู่ที่ 444,000 ราย
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ก็ยังคงสูงกว่าระดับ 230,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐ รายงานว่า จำนวนชาวอเมริกัน ที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลง 96,000 ราย มาอยู่ที่ 3.64 ล้านราย
ทางด้าน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2564 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 6.4% ในไตรมาส 1 ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และเป็นตัวเลขการขยายตัวสูงเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ไตรมาส 3/2546 หลังจากที่เติบโต 4.3% ในไตรมาส 4/2563
อย่างไรก็ดี ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับ GDP ประจำไตรมาส 1/2564 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.6%
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 33.4% ในไตรมาส 3/2563 ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2490 หรือมากกว่า 70 ปี จากการที่สหรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และมีการเปิดเศรษฐกิจ หลังจากหดตัว 31.4% ในไตรมาส 2/2563 ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงเป็นประวัติการณ์ และหดตัว 5% ในไตรมาส 1/2563 ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากมีการหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน โดยได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐ จะขยายตัวมากกว่า 7.0% ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2527 หลังจากหดตัว 3.5% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดในรอบ 74 ปี
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ยังเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 1.3% ในเดือนเมษายน หลังจากเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากการดิ่งลงของยอดสั่งซื้อในกลุ่มขนส่ง โดยการผลิตรถยนต์ร่วงลง เพราะประสบปัญหาขาดแคลนชิป
กระนั้นก็ตาม ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุน ที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ พุ่งขึ้น 2.3% ในเดือนที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้นเพียง 1.0% หลังจากดีดตัวขึ้น 1.6% ในเดือนมีนาคม
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘โควิด-19-ช้อปออนไลน์’ ตัวเร่ง โรงงาน คลังสินค้าให้เช่า โตสวนเศรษฐกิจชะลอตัว
- โมเดลอีคอมเมิร์ซจีน หนุนเศรษฐกิจฟื้น แนะสินค้าไทย ใช้เพิ่มโอกาสค้าขาย
- ขายออนไลน์มามุง! กรมพัฒน์ จับมือสตาร์ทอัพ ให้บริการคลังสินค้าครบวงจร ‘เก็บ แพ็ก ส่ง’