ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (10 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” พุ่งทำนิวไฮ แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน และเหมืองแร่ ประกอบกับนักลงทุนเริ่มมั่นใจมากขึ้นว่า อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับต่ำต่อไป
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุด ที่ 35,045.68 จุด ทะยานขึ้นมา 267.92 จุด หรือ 0.77% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,233.76 จุด ขยับขึ้น 1.16 จุด หรือ 0.03% และดัชนีแนสแด็ก ที่ 13,587.97 จุด ร่วงลง 164.26 จุด หรือ 1.19%
หุ้นกลุ่มพลังงานพากันดีดตัวขึ้นในการซื้อขายวันนี้ หลังท่อส่งน้ำมันของบริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ ซึ่งเป็นท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ของสหรัฐ ถูกโจมตีทางไซเบอร์ ขณะที่ราคาโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้น ยังช่วยหนุนขาขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ และบริษัทเหล็กด้วย
ดาวโจนส์ ยังได้แรงหนุนอย่างต่อเนื่อง จากการที่ นักลงทุนคลายความวิตก เกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซาในเดือนเมษายน
กระทรวงแรงงานสหรัฐ รายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 266,000 ตำแหน่งในเดือนที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะอยู่ที่ 1 ล้านตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.1% ในเดือนเมษายน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่า จะลดลงมาอยู่ที่ 5.8%
นักลงทุน จับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันพุธนี้ (12 พ.ค.) ซึ่งหากตัวเลข CPI พุ่งขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็อาจส่งผลให้ เฟดชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยอาจลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อสกัดเงินเฟ้อ จากปัจจุบันที่เฟดทำ QE อย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน
ก่อนหน้านี้ เฟดเคยส่งสัญญาณลดวงเงิน QE ในปี 2556 ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกต่อนักลงทุน ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐ และตลาดหุ้นทั่วโลกทรุดตัวลงอย่างหนักในปีดังกล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- EIC คาดโควิดระลอกใหม่ยืดเยื้อ 3 เดือน ไทยเสี่ยง ‘เศรษฐกิจถดถอย’ ซ้ำรอยเดิม
- กสิกรไทยหั่นเป้าจีดีพีปีนี้เหลือ 1.8% จากผลกระทบโควิดรอบใหม่
- คาดเฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.0-0.25% หนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว