ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (5 เม.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” และ “เอสแอนด์พี 500” พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ ขานรับตัวเลขจ้างงานแข็งแกร่ง และสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ปี 2564 อาจจะเป็นปีที่เศรษฐกิจเติบโตดีสุด ในรอบเกือบ 40 ปี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 33,558.39 จุด พุ่งขึ้น 405.18 จุด หรือ 1.22% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 4,077.88 จุด ทะยานขึ้นมา 58.01 จุด หรือ 1.44% และดัชนีแนสแด็กที่ 13,668.22 จุด ปรับขึ้น 188.12 จุด หรือ 1.40%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ พุ่งขึ้น 916,000 ตำแหน่งในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 647,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงาน ลดลงสู่ระดับ 6.0% ในเดือนมีนาคม จาก 6.2% ในเดือนกุมภาพันธ์
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 63.7 ในเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 55.3 ในเดือนกุมภาพันธ์ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 59.0
ดัชนีภาคบริการของสหรัฐ ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน ท่ามกลางความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในสหรัฐ และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งสภาพอากาศที่อบอุ่นขึ้นในเดือนมีนาคม โดยการที่ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ
ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการของ ISM ประกอบด้วยอุตสาหกรรม 17 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การก่อสร้าง และเหมืองแร่
ดาวโจนส์ยังได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงินกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างงานจำนวนหลายล้านตำแหน่ง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวงกว้าง โดยข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่า สหรัฐสามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ประชาชนเฉลี่ยมากกว่า 3 ล้านคนต่อวันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สัปดาห์นี้ นักลงทุนยังจับตารายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือนมีนาคม ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ (7 เม.ย.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 16-17 มีนาคมที่ผ่านมา และส่งสัญญาณว่า จะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนถึงปี 2566
นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2564 และ 2565 สู่ระดับ 6.5% และ 3.3% ตามลำดับ ขณะที่เฟดให้คำมั่นเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยเฟดจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน และซื้อตราสารหนี้ ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘แรงงาน’ จี้นายจ้างหยุดเพิ่ม 12 เม.ย. กระตุ้นเศรษฐกิจเทศกาลสงกรานต์
- จับตาตลาดป่วนรอบใหม่ นักลงทุนเริ่มกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยจากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้น
- เงินบาทแนวโน้มอ่อน ซื้อขายในกรอบ 30.90-31.35 เหตุเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวชัด