ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (26 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ทะยานสูงขึ้น ภายใต้การนำของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และการเงิน ท่ามกลางการวางเดิมพันของนักลงทุน ถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจเร็วสุด นับตั้งแต่ปี 2527 เป็นต้นมา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 32,772.90 จุด ทะยานขึ้น 153.42 จุด หรือ 0.47% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,932.18 จุด ขยับขึ้น 22.66 จุด หรือ 0.58% และดัชนีแนสแด็กที่ 13,008.28 จุด บวก 30.60 จุด หรือ 0.24%
หุ้นสหรัฐ รักษาการเคลื่อนไหวในแดนบวกเอาไว้ได้ แม้กระทรวงพาณิชย์ สหรัฐ จะเปิดเผยในวันนี้ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภค ลดลงเกินคาดในเดือนกุมภาพันธ์ เพราะสภาพอากาศที่หนาวเย็นในหลายพื้นที่ของประเทศ และแรงหนุนที่ลดลงชั่วคราว จากการจ่ายเช็ครอบสอง ให้กับครัวเรือนสหรัฐที่มีรายได้ปานกลาง และรายได้ต่ำ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสหรัฐนั้น ลดลง 1.0% ในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากดีดตัวขึ้น 3.4% ในเดือนมกราคม ขณะที่รายได้ส่วนบุคคล ร่วงลง 7.1% เมื่อเดือนที่แล้ว เทียบกับการพุ่งขึ้น 10.1% ในเดือนมกราคม
นักวิเคราะห์ชี้ว่า บรรดานักลงทุนกำลังคิดเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการกลับมาสู่ภาวะสมดุล ทั้งกำลังกลับไปประเมินถึงมูลค่าของปัจจัยพื้นฐาน และปัจจัยจขับเคลื่อนเศรษฐกิจมหภาคบางตัว
ราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร ทะยานขึ้น 1.3% จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า จะยกเลิกการควบคุม การจ่ายเงินปันผล และการซื้อหุ้นคืน บนฐานของรายได้ ของธนาคาร ในเดือนมิถุนายนนี้ หลังจากที่ดำเนินการทดสอบความแข็งแกร่งทางด้านการเงินรอบต่อไปแล้
เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มพลังงาน ที่พุ่งขึ้นมา 1.4% ตามการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันดิบ หลังเกิดเหตุเรือสินค้ายักษ์ เกยตื้นขวางทางสัญจรในคลองสุเอซ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับเรื่องการจัดหาตึงตัวตามมา
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ด่วน! ‘การบินไทย’ จำนนพ้นตลาดหุ้น เหตุแก้ ‘ทุนติดลบ’ ไม่ทันตามกำหนด 3 ปี
- ‘เรือยักษ์’ ขวางคลองสุเอซ ทำ ‘การค้า’ เสียหายชั่วโมงละกว่า 1.2 หมื่นล้าน
- ‘พาวเวล’ มั่นใจ ‘มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ’ ไม่ทำสหรัฐ เจอ ‘เงินเฟ้อ’ รุนแรง