ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (18 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ดาวโจนส์ ยังทะยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เอสแอนด์พี 500 และแนสแด็ก เจอกับแรงเทขายอย่างหนัก จากการที่ ผลตอบแทนพันธบัตรทะยานแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 33,206.89 จุด ปรับขึ้นมา 191.52 จุด หรือ 0.58% ดัชนีเเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,966.12 จุด ลดลง 8.00 จุด หรือ 0.20% และดัชนีแนสแด็กที่ 13,359.43 จุด ร่วงลง 165.77 จุด หรือ 1.23%
การที่เฟดคาดการณ์ถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจแข็งแกร่งสุดในรอบ 40 ปี หลังจากวิกฤติโควิดลดความรุนแรงลงประกอบกับการให้คำมั่นถึงการคงอัตราดอกเบี้ยใกล้ระดับ 0% ต่อไปอีกหลายปีนั้น ช่วยหนุนให้ดาวโจนส์ ทะยานขึ้นเป็นทำสถิติสูงสุดรายวันอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ เฟดได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2564 และ 2565 สู่ระดับ 6.5% และ 3.3% ตามลำดับ ขณะที่ปรับลดการขยายตัวของปี 2566 สู่ระดับ 2.2% และเฟดได้คงคาดการณ์อัตราการขยายตัวในระยะยาวที่ระดับ 1.8%
ขณะเดียวกัน เฟดได้คงตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2564-66 อยู่ที่ระดับ 0.13% ทั้ง 3 ปี และคงตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในระยะยาวที่ระดับ 2.5%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เจอกับแรงเทขายในวันนี้ โดยได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่ทะยานขึ้นไปอยู่เหนือระดับ 1.74% แตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน
การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐได้เป็นปัจจัยกดดันหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหุ้นในกลุ่ม growth stock โดยนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มดังกล่าว และเข้าซื้อหุ้นกลุ่ม value stock ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่ม ที่จะปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ โดยคาดว่าหุ้นกลุ่มนี้จะได้รับประโยชน์จากการที่สหรัฐเริ่มเปิดเศรษฐกิจ หลังใช้มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
สถาบันวิจัยเนด เดวิส คาดการณ์ว่า ดัชนีแนสแด็ก จะทรุดตัวลงอีก 20% หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งแตะระดับ 2%
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 770,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 700,000 ราย
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ สู่ระดับ 725,000 ราย จากเดิมรายงานที่ระดับ 712,000 ราย
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานยังคงสูงกว่าระดับในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งไม่เคยเกินระดับ 700,000 ราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลงสู่ระดับ 746,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2563
นอกจากนี้ จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลงสู่ระดับ 4.1 ล้านราย แต่ยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 4 ล้านราย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ดาวโจนส์ทำนิวไฮทะลุ 33,000 จุด สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับประชุมเฟด
- ทองคำตลาดสปอตพุ่ง จากเงินดอลลาร์อ่อน หลังเฟดส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยหลายปี
- คาดเฟดคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% ไม่หวั่นเงินเฟ้อพุ่ง เพื่อประคองเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัว