Stock

PTT กำไรสุทธิปี 63 ร่วง 59.4% จากรายได้ลดเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ

PTT กำไรสุทธิปี 2563 จำนวน 37,766 ล้านบาท ลดลง 55,185 ล้านบาท หรือ 59.4% จากปีก่อน รายได้ลดลงเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งราคาและยอดขาย

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าบริหารและกรรมการผู้จดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT รายงานตลาดหลักทรัพย์ว่าในปี 2563 ปตท. และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย 1,615,665 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 จำนวน 604,074 ล้านบาท หรือ 27.2% จากเกือบทุกกลุ่มธุรกิจตามราคาขายเฉลี่ยและปริมาณขายเฉลี่ยที่ลดลง

PTT

ยกเว้นกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรมมีรายได้จากการขายเพิ่มข้ึนเนื่องจากการเข้าซื้อบริษัท โกลว์พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOWโดยบริษัท โกลบอลเพาเวอร์ซินเนอร์ยี่ จำกัด(มหาชน)หรือ GPSCในช่วงปลายไตรมาสแรกปี 2562

ผลประกอบการ PTT

ในปี 2563 ปตท. และบริษัทย่อยมี EBITDA จานวน 225,672 ล้านบาท ลดลง 63,300 ล้านบาท หรือ 21.9% จาก 288,972 ล้านบาทในปี 2562 สาเหตุหลักจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมท่ีผลการดำเนินงานปรับลดลงตามราคาขายเฉลี่ยท่ีลดลง แม้ปริมาณขายจะเพิ่มข้ึนโดยหลักจากโครงการมาเลเซียและกลุ่ม Partex ภายหลังการเข้าซื้อธุรกิจในช่วงครึ่งงหลังของปีก่อน

ประกอบกับผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นท่ีลดลงอย่างมากเช่นกัน โดยหลักจากขาดทุนสต๊อกน้ามันในปี 2563 จำนวนประมาณ 19,000 ล้านบาท ตามราคาน้ำมันดิบท่ีปรับลดลงอย่างมากจาก ณ สิ้นปี 2562 ที่ 67.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 51.1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ณ สิ้นปี 2563 เนื่องจากสงครามราคาน้ำมัน สภาวะอุปทานล้นตลาดของน้ำมันดิบ ประกอบกับความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีลดลงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19

ในขณะที่ปี 2562 มีกำไรสต๊อกน้ามันประมาณ 2,800 ล้านบาท โดย Market GRM ปรับลดลง จาก 2.7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในปี 2562 เป็น 0.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในปี 2563 ตามส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปกับน้ำมันดิบท่ีลดลงในเกือบทุกผลิตภัณฑ์และ Accounting GRM ลดลงจากอย่างมากจาก 3.0 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในปี2562 เป็นขาดทุน 0.8 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในปี 2563 และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ ปิโตรเคมี กับวตถุดิบ ทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ส่วนใหญ่ปรับลดลง

ผลประกอบการ PTT

นอกจากน้ี กล่มุธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานลดลง โดยหลักจากธุรกิจโรงแยกก๊าซ เนื่องราคาขายลดลงตามราคาปิโตรเคมีอ้างอิงในตลาดโลกปรับลดลงและปริมาณขายที่ลดลงจากผลกระทบ COVID-19 ตามการปิดซ่อมบารุงและปรับลดกำลังการผลิตให้เหมาะสมสมตามอุปสงค์ที่ลดลงของลูกค้าในปี 2563 และธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายก๊าซฯ มีผลการดำเนินงานลดลงเนื่องจากราคาขายเฉลี่ยที่อ้างอิงราคาก๊าซฯและราคาน้ำมันเจาลดลง และปริมาณขายที่ลดลง

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานของกลุ่มเทคโนโลยีและวิศวกรรมปรับตัวดีข้ึนจากการเข้าซื้อ GLOW ของ GPSC ในช่วงปลาย ไตรมาสแรกของปี 2562 

ส่งผลให้ ปตท. และบริษัทย่อยในปี 2563 มีกำไรสุทธิจำนวน 37,766 ล้านบาท ลดลง 55,185 ล้านบาท หรือ 59.4% จาก 92,951 ล้านบาทในปี 2562 ตาม EBITDA ที่ลดลง ประกอบกับค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่เพิ่มข้ึนของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม และของธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรมท่ีเพิ่มข้ึนจากการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวข้างต้น รวมถึงในปี 2563 มีการรับรู้รายการท่ีไม่ได้เกิดข้ึนประจำตามสัดส่วนของปตท.จากการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์สุทธิภาษี 9,478 ล้านบาทโดยหลักจากธุรกิจถ่านหินจำนวนประมาณ 7,700 ล้านบาท ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำนวนประมาณ 1,600 ล้านบาทและธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น จำนวนประมาณ 180 ล้านบาท

ผลประกอบการ PTT

ทั้งนี้ ในปี 2562 มีการรับรู้ค่าชดเชยพนักงานเพิ่มเติมตามประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์และพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ของกลุ่มมปตท.จำนวน 2,841 ล้านบาท และรับรู้ค่าความเสียหายของคดีความ และค่าเผื่อด้อยค่าค่าท่อส่งก๊าซฯ ของปตท. จำนวน 2,105 ลา้ นบาท และ 498 ล้านนบาท ตามลำดับ รวมทั้ง IRPC มีการรับรู้การกลับรายการด้อยค่าสินทรัพย์สุทธิภาษี และรายได้ค่าปรับจากการรับประกันผลงานก่อสร้างของโครงการ UHV (WarrantyClaim) จำนวน 366 ล้านบาทและ 130 ล้านบาท ตามลำดับ

นอกจากน้ี กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนในปี 2563 ลดลงตามค่าเงินบาทที่แข็งค่าน้อยกว่าเมื่อเทียบกับปี 2562 แม้ว่ามีกำไรจากตราสารอนุพันธ์เพิ่มข้ึน รวมทั้งค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดลงตามผลการดำเนินงานท่ีลดลงของบริษัทส่วนใหญ่ในกลุ่ม  

อ่านข่าวเพิ่มเติม:

Avatar photo